ไต้หวัน ผู้ปฎิเสธรากเหง้าตัวเอง(ตอน12)

ซอกซอนตะลอนไป                           (2 มิถุนายน 2567)

ไต้หวัน ผู้ปฎิเสธรากเหง้าตัวเอง(ตอน12)

โดย   เสรษฐวิทย์  ชีรวินิจ

เป็นเรื่องน่าตกใจมากเมื่อได้รู้ว่า  รัฐบาลกั๊ว มิน ตั๋ง ของจีนกล้าหาญชาญชัยถึงขนาดส่งเจ้าหน้าที่รัฐไปร่วมแสดงความยินดีกับรัฐบาลญี่ปุ่นในปี 1935  เนื่องในโอกาสที่รัฐบาลญี่ปุ่นยึดครองเกาะไต้หวันมาครบ 40 ปี

ไต้หวัน เคยเป็นดินแดนของจีนมาก่อนจนกระทั่งปี 1895  เมื่อจีนแพ้สงครามต่อญี่ปุ่นครั้งที่ 1 (FIRST SINO-JAPANESE WAR) และต้องยกเกาะไต้หวันให้แก่ญี่ปุ่นเป็นค่าปฎิกรณ์สงคราม  ยังไม่รวมดินแดนอื่นๆ และ เงินทองอีกมากมายที่ต้องจ่ายชดเชยให้แก่ญี่ปุ่นด้วย

ที่ร้ายไปกว่านั้น  ในขณะที่จีนไปแสดงความยินดีกับญี่ปุ่น   จีนเองก็กำลังทำสงครามติดพันกับญี่ปุ่นในสงครามที่เรียกว่า  สงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง  ที่ปะทะกันตามแนวชายแดนมาตั้งแต่ปี 1931 ที่ดำเนินเรื่อยมาจนถึงปี 1945  

รัฐบาลกั๊วมินตั๋ง โดย เจียง ไค เช็ค ยังกล้าส่งคนไปแสดงความยินดีกับญี่ปุ่น  ช่างไร้สำนึกเสียจริงๆ


(ดร.ซุน ยัด เซ็น ผู้นำในการก่อการปฎิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองจากมือของราชวงศ์ชิง -ภาพจากวิกิพีเดีย)

หรือ  รัฐบาลกั๊ว มิน ตั๋ง อาจจะคิดแต่เพียงว่า   แม้จะเป็นประเทศจีนเหมือนกัน   แต่ตอนที่สูญเสียเกาะไต้หวันไปนั้น เป็นจีนราชวงศ์ชิง ที่ถูกปฎิวัติโค่นล้มไปโดย ดร.ซุน ยัด เซ็น ซึ่งต่อมาก็คือ พรรคกั๊ว มิน ตั๋ง

หลังจากญี่ปุ่นคืนเกาะไต้หวันให้แก่จีน  รัฐบาลกั๊วมินตั๋ง ก็ส่ง เฉิน ยี่ บุคคลที่มีใจฝักใฝ่กับญี่ปุ่นมายาวนานไปเป็นผู้บริหารสูงสุดของเกาะไต้หวัน   ถือเป็นตัวเลือกที่ผิดพลาดของจีน

นอกจากเฉิน ยี่ จะมีใจฝักใฝ่กับญี่ปุ่นแล้ว  เขายังเป็นคนที่พร้อมจะทรยศหักหลังใครก็ได้  และ  มีประวัติพัวพันคอรัปชั่นมาเรื่อยๆ

               ที่ร้ายที่สุดก็คือ  เขาเป็นคนบ้าอำนาจ   เอาแต่ตัวเองเป็นใหญ่  ไม่รับฟังความคิดเห็นของใครทั้งสิ้น

               สถานการณ์เปลี่ยนผ่านของไต้หวันแบบนี้  จีนต้องการผู้บริหารที่มีความสามารถอย่างยิ่ง  และไม่ใช่สามารถแบบธรรมดา  แต่ต้องสามารถแบบเหนือมนุษย์   และยังต้องมีความสามารถในการประนีประนอมอย่างสุดๆอีกด้วย   เพราะในช่วงนั้น  เป็นช่วงสงครามเย็นระหว่างโลกเสรีกับโลกคอมมิวนิสต์ 

               ดังนั้น  ในไต้หวันจึงเต็มไปด้วยบรรดาสายลับจากทุกค่ายเดินป้วนเปี้ยน จนแทบจะชนกันไปหมด  แม้กระทั่งสายลับของญี่ปุ่นด้วย


(เฉิน ยี่ ผู้โอหัง – ภาพจากวิกิพีเดีย)

               เฉิน ยี่ เข้ามาบริหารเกาะไต้หวัน ตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 1945  เขาพกเอาความยะโสโอหัง และ ความเย่อหยิ่งจองหองเข้ามาเต็มหัวใจ   เขาเริ่มต้นด้วยการประกาศผูกขาดสินค้าหลายอย่าง  ที่สำคัญก็คือ  บุหรี่ และ  สุรา ให้เป็นของรัฐบาลเท่านั้น

               แม้ว่า เฉิน ยี่ จะพูดภาษาญี่ปุ่นได้อย่างลึกซึ้ง   แต่เขาก็ยะโสเกินไปกว่าที่จะคุยกับปัญญาชน  ชนชั้นสูง  และ บรรดาเศรษฐีนักธุรกิจของไต้หวันที่พูดได้เพียงภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น  และ พูดภาษาจีนแมนดารินไม่ได้เลย 

               ทำให้การสื่อสารแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้นำรัฐบาลจีนไต้หวัน กับ บรรดาชนชั้นสูงที่มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจ และ ทางสังคมเต็มไปด้วยอุปสรรค และ  ความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน

               นอกจากนี้  นโยบายของเฉิน ยี่ ยังสร้างโอกาสให้แก่พวกนักเก็บกวาดเศษสตางค์ที่เดินตามหลังความขัดแย้ง หรือ สงคราม ที่ฝรั่งเรียกว่า THE CARPET BEGGERS  ในการกอบโกยผลประโยชน์มหาศาลอย่างไม่น่าเชื่อ

               ซึ่งก็คือ   การคอรัปชั่นอีกรูปแบบหนึ่ง 

               ความขัดแย้งเริ่มเขม็งเกลียว

รอพบกับการเดินทางเจาะลึกอินเดีย  แบบมหาราชา  กับผู้เชี่ยวชาญอินเดีย  ในเดือนพฤศจิกายนนี้

               พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ

Posted in ซอกซอนตะลอนไป โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ and tagged , , , .