ยกเลิกมาตรา 370 ภารกิจรัฐบุรุษ(ตอน40)

ซอกซอนตะลอนไป                           (11 พฤษภาคม 2568)

ยกเลิกมาตรา 370 ภารกิจรัฐบุรุษ(ตอน40)

หลังอินเดียประกาศอิสรภาพ

โดย   เสรษฐวิทย์  ชีรวินิจ

วันที่ 21 ตุลาคม ปี 1951  มุคเฮอร์จี ได้ก่อตั้ง พรรคภารติยะ ชันนะ ชังกห์(BHARATIYA JANA SANGH) โดยตัวเขาเองรับตำแหน่งประธานพรรค  และ  ในปีถัดมาพรรคก็ได้รับเลือกจากประชาชนในการเลือกตั้งทั่วไปของอินเดียถึง 3 ที่นั่ง  โดยมุคเฮอร์จี เป็นหนึ่งในสามคนนั้น


(สัญลักษณ์ของพรรคภารติยะ ชันนะ ชังกห์ในตอนเลือกตั้งของปี 1951 เป็นรูปตะเกียงน้ำมันที่ชาวฮินดูใช้กันอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาล ดิวาลี(ภาพจากวิกิพีเดีย))

ในขณะที่   พรรค เนชั่นนัล คองเกรส ของเนห์รู และ ตระกูลคานธี ได้รับเลือกเข้ามาถึง 364 ที่นั่ง จากจำนวนทั้งหมด 489 ที่นั่ง

การเริ่มต้นทางการเมืองของมุคเฮอร์จี กับพรรคคองเกรสแล้วลาออกมา  น่าจะเป็นประกายเล็กๆแห่งความไม่พอใจของผู้เฒ่าทั้งสองของพรรคคองเกรส   แต่การที่มุคเฮอร์จี ก่อตั้งพรรคการเมืองอย่าง ภารติยะ ชันนะ ชังกห์  น่าจะเป็นลมที่โหมไฟให้กระพือแรงขึ้น

การที่พรรคภารติยะ ชันนะ ชังกห์  มีนโยบายที่ชัดเจนต่อกฎหมายมาตรา 370 ว่า  ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายนี้อย่างสุดลิ่มที่มประตู   และ  หนึ่งในนโยบายหลักของพรรคก็คือ   การยกเลิกมาตรา 370 นี้ให้ได้

เพราะเขามองว่า   กฎหมายฉบับนี้เป็นภัยคุกคามอย่างร้ายแรงต่อความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนในชาติอย่างยิ่ง


(มุคเฮอร์จี ผู้จุดประกายการต่อต้านกฎหมายมาตรา 370 ขึ้นในประเทศอินเดีย ในช่วงเวลาที่มืดมนต์ที่สุดของแคชเมียร์-ภาพจากวิกิพีเดีย)

มุคเฮอร์จี เดินเกมส์ และ  สร้างบทบาทในการต่อต้านกฎหมายนี้ทั้งในสภา และ นอกสภา   เขาพยายามหาแนวร่วมทั้งในสภาล่าง และ วุฒิสภาไปพร้อมๆกัน

แน่อนว่า   พรรคคองเกรสของเนห์รู ย่อมไม่พอใจ  และ ไม่ไว้วางใจมุคเฮอร์จี

เมื่อมุคเฮอร์จี ดำริว่า  จะเดินทางไปดูให้เห็นด้วยตาของตนเองสักครั้งในจามมู และ แคชเมียร์ เพื่อเป็นข้อมูล

นอกจากเรื่องการให้สิทธิ์แก่แคชมียร์ที่จะมีธงประจำรัฐของตนเอง  มีกฎหมายรัฐธรรมนูญของตนเอง   และ  มีนายกรัฐมนตรีอิสระของตนเองแล้ว    มาตรา 370 ยังให้อำนาจแก่แคชเมียร์ที่จะเป็นคนอนุญาต หรือ ไม่อนุญาตให้ใครก็ตามที่ต้องการจะเดินทางเข้าไปในรัฐด้วย 

เสมือนเป็นประเทศอิสระประเทศหนึ่ง 

เรื่องนี้เองที่มุคเฮอร์จี ได้แสดงจุดยืนของตนเองอย่างชัดเจนในการต่อต้านมาตรา 370 ตั้งแต่แรกว่า  ชาติใดๆก็ตาม  ไม่ควรจะมีสองรัฐธรรมนูญ  สองนายกรัฐมนตรี  และ  สองธงประจำชาติ

ด้วยความไม่พอใจอย่างมาก   เนห์รูไม่ปล่อยให้การอนุญาตในการเดินทางเข้าไปยังแคชเมียร์ของมุคเฮอร์จี เป็นหน้าที่ของรัฐแคชมียร์  แต่เขาเลือกที่จะออกคำสั่งด้วยตัวเอง ห้ามคนนอกรัฐเดินทางเข้าไปในรัฐจามมูและแคชเมียร์เป็นอันขาด


(เช็กห์ อับดุลลาห์ บนสแตมป์ที่ทำขึ้นในปี 1988 ในสมัยของราจีฟ คานธี-ภาพจากวิกิพีเดีย)

เนห์รู เป็นเพื่อนสนิทมากกับ เช็กห์ อับดุลลาห์ มาตั้งแต่ปี 1937   เช็กห์ อับดุลลาห์ ในขณะนั้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของรัฐบาลแคชเมียร์  เขาเป็นมุสลิม

เช็กห์ อับดุลลาห์ ตอบสนองต่อข้อห้ามของเนห์รู ที่ไม่ยอมให้ชาวอินเดียเดินทางเข้าไปในแคชเมียร์ด้วยการจับกุมตัวนายมุคเฮอร์จี ที่เมือง ลัคฮานปูร์ (LAKHANPUR)ทันทีที่เขาเดินทางข้ามเส้นพรมแดนของแคชเมียร์เข้าไป  พร้อมทั้งยกเลิกบัตรประชาชนอินเดียของเขาด้วย

วันนั้นคือวันที่ 11 พฤษภาคม 1953

จากนั้น  มุคเฮอร์จีก็ถูกส่งตัวไปคุมขังในคุกโดยไม่มีข่าวสารใดๆเกี่ยวกับตัวเขาอีกเลย  เสมือนถูกขังลืม   แน่นอนว่า  เหตุการณ์ดังกล่าว   เนห์รูย่อมจะทราบเรื่องเป็นอย่างดี   แต่เลือกที่จะไม่ทำการใดๆ

วันที่ 23 มิถุนายน 1953  หลังจากที่มุคเฮอร์จี ถูกจับไปคุมขังในคุกประมาณ 40วันเศษ  เขาก็ถูกประกาศว่า  เสียชีวิตแล้วด้วยโรคหัวใจวาย  โดยไม่มีการชัณสูตร

การตายของเขายังเป็นความลับจนทุกวันนี้

แต่สิ่งที่ไม่ตายไปกับตัวเขาก็คือ   แนวคิดที่ชัดเจนของเขาเกี่ยวกับมาตรา 370 และ แคชมียร์ ถูกส่งผ่านต่อๆกันมาเพื่อสานภารกิจให้สำเร็จ   แม้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกกว่า 70 ปีก็ตาม

               พบกับโปรแกรม เจาะลึกอียิปต์ 10 วัน 7 คืน ของฤดูกาลปลายปีนี้  ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม เป็นต้นไป  บรรยายชมโดยผู้เชียวชาญอียิปต์ และเป็นผู้เขียนหนังสือไกด์บุ๊ค 4 เล่ม  รวมถึงไกด์บุ๊ค “อียิปต์-กรีซ-ตุรกี” สอบถามได้ที่โทร 0885786666 หรือ LINE ID – 14092498

รอติดตามตอนต่อไปครับ

Posted in ซอกซอนตะลอนไป โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ and tagged , , , .