ซอกซอนตะลอนไป (6 กรกฎาคม 2568)
ยกเลิกมาตรา 370 ภารกิจรัฐบุรุษ(ตอน47)
หลังอินเดียประกาศอิสรภาพ
โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
หลังจากที่ชุมชนบัณฑิตแห่งแคชเมียร์เริ่มอพยพออกจากบ้านเกิดในช่วงปี 1989 เป็นต้นมา เศรษฐกิจของแคชเมียร์ก็ค่อยๆเสื่อมถอยและทรุดหนักลงในเวลาต่อมา
สาเหตุมาจากบรรดาผู้อพยพออกไปจากหุบเขาแคชเมียร์ส่วนใหญ่เป็นผู้มีการศึกษา และ มีฐานะ คนทำธุรกิจ และ เจ้าของที่ดิน
พูดง่ายๆก็คือ บัณฑิตแห่งแคชเมียร์เป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของแคชเมียร์นั่นเอง

(บ้านของบัณฑิตแห่งแคชเมียร์ที่ถูกทิ้งร้าง เจ้าของบ้านน่าจะมีฐานะดีพอสมควร-ภาพจากวิกิพีเดีย)
ทำให้ประชากรส่วนที่เหลืออยู่ในแคชมียร์ส่วนใหญ่เป็นคนที่ด้อยการศึกษา หนักหนาสาหัสถึงขนาดที่จำนวนมากอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้
จึงมิต้องพูดถึงว่า คนที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้เหล่านี้ จะสามารถทำการค้า ทำธุรกิจได้ อย่างเก่งก็คงจะเป็นเพียงชาวไร่ชาวนา และ เป็นพวกแรงงานเท่านั้น
ที่น่าสนใจก็คือ ส่วนใหญ่ของคนเหล่านี้เป็นมุสลิม
จากตัวเลขที่หน่วยสืบราชการลับของอเมริกา ที่เรียกว่า ซีไอเอ ประเมินไว้ก็คือ มีบัณฑิตแคชเมียร์อพยพออกจากพื้นที่ประมาณ 300,000 คน ดังนั้น ประชากรที่เหลือในแคชเมียร์น่าจะอยู่ที่ประมาณ 3 ล้าน5 แสนคน
แน่นอนว่า ประชากรที่อาศัยในแคชเมียร์ย่อมไม่สามารถหลีกเลี่ยงสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อย่างสุดๆนี้ไปได้ ไม่ว่าพวกเขาจะนับถือศาสนาอะไรก็ตาม
ภาวะเช่นนี้ เป็นโอกาสทองของปากีสถานที่จะแทรกซึมเข้ามาเพื่อจะยึดแคชเมียร์ โดยการใช้วิธีการหว่านเงิน และ ก่อการร้ายผ่านทางองค์กรก่อการร้ายต่างๆ
การก่อการร้าย จะเริ่มตั้งแต่จ่ายเงินให้เยาวชนเพื่อทำการก่อกวนด้วยการเขวี้ยงหินเข้าหาเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรือ ฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง จนกระทั่ง สิ่งที่รุนแรงมากไปกว่านั้น
เมฆดำทะมึนแห่งฝันร้ายเริ่มเข้าปกคลุมอินเดียอีกครั้ง

(สถานที่ตั้งของเมืองอโยธยา ในประเทศอินเดีย-ภาพจากวิกิพีเดีย)
ความขัดแย้งระหว่างศาสนาฮินดู และ อิสลาม ปะทุขึ้นอีกครั้งหลังจากคุกรุ่นมานานหลายสิบปี ประเด็นก็คือ การเรียกร้องเอามัสยิด บาบริ ที่เมืองอโยธยาในรัฐอุตตราประเทศ ให้กลับมาเป็นวิหารของศาสนาฮินดูอีกครั้ง

(มัสยิด บาบริ ที่เมืองอโยธยา – ภาพจากวิกิพีเดีย)
นักวิชาการลงความเห็นไปในทางเดียวกันว่า ในปี 1528 ราชวงศ์โมกุล ซึ่งขณะนั้นมีจักรพรรดิพระนามว่า บาเบอร์ ได้ทำลายวิหารฮินดูหลังหนึ่งลงมา แล้วสร้างมัสยิดขึ้นมาหลังถึง มีชื่อว่า มัสยิด บาบริ
ชาวฮินดูเชื่อว่า ที่นี่คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาฮินดู เพราะเป็นสถานที่ประสูติของพระราม และด้วยการพิสูจน์ทางโบราณคดีจึงได้ข้อยุติว่า สถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของวิหารพระรามจริง แต่ถูกราชวงศ์โมกุลทำลายลง แล้วสร้างมัสยิดขึ้นแทน
สถานที่แห่งนี้ กลายเป็นศาสนสถานของทั้งสองศาสนามาเป็นเวลายาวนานกว่า 400 ปี จนกระทั่งมีการฟ้องร้องต่อศาลเพื่อให้ตัดสินให้สถานที่แห่งนี้เป็นของศาสนาฮินดูในปี 1822 ขณะนั้น อังกฤษยังปกครองอินเดียอยู่
การโต้แย้งในศาลดำเนินต่อเนื่องเรื่อยมา ในขณะที่บรรยากาศความขัดแย้งภายนอกศาลก็เพิ่มความรุนแรงขึ้นไปเรื่อยๆ
แล้วจะจบลงอย่างไร
ผมกำลังจะนำชมชมทัวร์เจาะลึกอียิปต์แบบ “ทัวร์พรีเมี่ยม” โรงแรมที่พักดี ล่องเรือระดับ 5 ดาว อาหารดีตามโรงแรม5 ดาว และโปรแกรมชมครบครัน เพียง 3 ทริปในฤดูกาลนี้ คือ ตุลาคม , ธันวาคม และ กุมภาพันธ์ ปีหน้า ทริปละ 15 ท่านเท่านั้น ทุกทริปมีตั๋วเครื่องบินเรียบร้อย ออกเดินทางแน่นอน สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่โทร 0885786666 หรือ LINE ID – 14092498

พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ