ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับอียิปต์โบราณ(ตอน2)

ซอกซอนตะลอนไป                           (14  กันยายน 2568)

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับอียิปต์โบราณ(ตอน2)  

โดย   เสรษฐวิทย์  ชีรวินิจ

การฝังศพ  หรือ  ถ้าจะพูดให้ตรงประเด็นก็คือ   การรักษาศพของผู้ตายเอาไว้ในสุสานของวัฒนธรรมอียิปต์โบราณ มาจากพื้นฐานความเชื่อในเรื่องโลกหลังความตาย  ว่าผู้ตายจะต้องเดินทางไปพบกับเทพเจ้าสูงสุดในโลกหน้า

และเชื่อว่าการเดินทางไปพบกับเทพเจ้านั้น  ผู้ตายจะต้องใช้ร่างกายที่มีวิญญาณที่เรียกว่า “คา” ไปกับเขาด้วย   มิใช่ไปในรูปของวิญญาณ 

ดังนั้น  การฝังศพของอียิปต์โบราณ  จึงต้องรักษาศพเอาไว้ไม่ให้เน่าเปื่อยผุผังไปจนไม่เหลือสภาพ  และ  มัมมี่นั้นจะต้องบอกได้ว่า  เป็นของผู้ใดด้วยการจารึกชื่อของผู้ตายด้วยภาษาเฮียโรกลิฟ บนอุปกรณ์ที่ประกอบอยู่บนตัวมัมมี่  หรือ  บนโลงศพ 

เพื่อว่า  บา ซึ่งเป็นวิญญาณที่ล่องลอยไปที่ต่างๆได้  จะสามารถจดจำร่างมัมมี่ของมันเองได้  และกลับมาเข้าร่างได้ถูกต้อง


(มาสตาบ้า ซึ่งมีลักษณะเหมือนกล่องสี่เหลี่ยมที่ครอบลงไปบนสถานที่ฝังมัมมี่ของผู้ตาย  และมีประตูทางเข้าที่เห็นอยู่ – ภาพโดยผู้เขียน)

ในยุคแรกของการฝังศพของอียิปต์โบราณ  ก่อนจะถึงยุคพีระมิดทั้งยุคพีระมิดแบบขั้นบันได  และ พีระมิดแบบผิวเรียบที่เมืองกีซ่านั้น   ชาวอียิปต์จะฝังศพเอาไว้ในสถานที่ที่เรียกว่า  มาสตาบ้า

มาสตาบ้า ก็คือ  พัฒนาการจากการขุดหลุมเป็นสุสานเพื่อฝังศพแบบธรรมดาง่ายๆ  เพื่อให้สุสานดูยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรีของผู้ตาย  เป็นการประกาศเกียรติคุณ  และ  เล่าเรื่องราวชีวิตความเป็นไปของผู้ตายด้วย

ด้วยการสร้างอาคารชั้นเดียวเหมือนกล่องสี่เหลี่ยมครอบลงไปบนพื้นที่ที่ขุดลงไปเป็นหลุม เหมือนท่อตรงๆไปยังห้องเก็บศพที่อยู่ลึกลงไปใต้ดิน  กล่องที่ว่านี้จะมีผนังห้องที่แบ่งห้องออกเป็นหลายๆห้อง   และนำไปสู่ห้องที่สำคัญที่สุดก็คือ   ห้องที่มีประตูปลอมตั้งอยู่


(ภาพตัดแสดงให้เห็นการขุดบ่อลึกลงไปใต้ดินภายในมาสตาบ้า ห้องส่วนลึกสุดก็คือ ห้องเก็บศพ – ภาพจากวิกิพีเดีย)

จากบันทึกระบุว่าด้านหลังของประตูปลอมก็คือทางเข้าของหลุมสี่เหลี่ยมที่ขุดลึกลงเข้าไปในพื้นดิน  และลงไปถึงห้องเก็บศพที่อยู่ลึกที่สุด 

ห้องดังกล่าวก็คือสถานที่สำหรับเก็บศพของผู้ตาย  ที่ผ่านการทำเป็นมัมมี่เรียบร้อยแล้ว

ประตูปลอมจะทำหน้าที่เป็นส่วนกั้นไม่ให้มนุษย์มองเห็น หรือ เดินเข้าไปสู่หลุมฝังศพได้  

มัมมี่จะมีวิญญาณ 2 ชนิดที่เรียกว่า  คา และ  บา สถิตอยู่ตามที่ผมได้พูดถึงในตอนที่แล้ว   แต่มีเพียงแค่ “บา” เท่านั้นที่สามารถบินออกไปหาอาหารมาประทังชีวิตของมัมมี่ได้  เหมือนกับตอนที่ยังมีชีวิตอยู่อย่างใดอย่างนั้น 

ชาวอียิปต์โบราณ ซึ่งในที่นี้หมายถึง  ชนชั้นนักบวชโบราณ จึงคิดแทนวิญญาณว่า   “บา” จะทำอย่างไรจึงจะออกไปหาอาหารได้  หากต้องอยู่ในหลุมฝังศพ  และอยู่ในห้องที่ปิดทึบ   

นักบวชจึงสร้างประตูปลอมขึ้นเพื่อให้เป็นทางเข้าออกของ “บา”

ในวันฝังศพมัมมี่ลงไปในห้องเก็บศพใต้ดินและก่อนที่จะปิดทางเข้าออกของมาสตาบ้า  ลูกหลานก็จะเอาเครื่องเซ่นไหว้มาวางเอาไว้ตรงแท่นด้านหน้าประตูปลอม   เพื่อว่าเมื่อวิญญาณ “บา” บินผ่านประตูปลอมออกมาแล้ว   ก็จะได้กินอาหารที่ลูกหลานวางเอาไว้ให้เลย


(ภาพสลักนูนต่ำแสดงให้เห็นพวกคนใช้ช่วยกันขนบรรดาสัตว์ต่างๆ และ ดอกไม้เข้าไปในมาสตาบ้า เพื่อถวายให้แก่ผู้ตาย-ภาพโดยผู้เขียน)

จากภาพแกะสลักนูนต่ำที่อยู่บนผนังห้องของมาสตาบ้า   นักอียิปต์ศาสตร์สันนิษฐานว่า  น่าจะเป็นการบันทึกเหตุการณ์ของวันฝังศพมัมมี่  ซึ่งจะเห็นบรรดาคนใช้ชายจำนวนมากต่างช่วยกันหอบหิ้วเอาอาหารต่างๆ  เช่น  เป็ด  นก  วัว   ของเหลวในโถขนาดใหญ่ซึ่งอาจจะเป็น  ไวน์ หรือ เบียร์  หรือแม้กระทั่งน้ำมัน  หรือ  น้ำเปล่า  เข้ามาวางถวายให้แก่ผู้ตายด้วย


(ภาพสลักนูนต่ำที่แสดงให้เห็นคนใช้กำลังช่วยกันลากเลื่อนที่มีไหขนาดใหญ่ที่บรรจุของเหลววางอยู่ – ภาพโดยผู้เขียน)

ตอนนี้   ท่านผู้อ่านก็คงจะทราบแล้วนะครับว่า  ประตูปลอมเป็นทางออกของวิญญาณที่เรียกว่า “บา”  ไม่ใช่ทางออกของเทพเจ้า ตามที่มีหัวหน้าทัวร์บางท่านไปโพสต์ในเฟซบุ๊ค

คำถามต่อมาก็คือ ในอนาคตเมื่อลูกหลานของมัมมี่ตายไปหมดแล้ว  ใครจะคนเอาเครื่องเซ่นไหว้มาให้มัมมี่ล่ะ  รอคำตอบในตอนหน้าครับ

ผมกำลังจะนำชมทัวร์เจาะลึกอียิปต์แบบ “ทัวร์พรีเมี่ยม” โรงแรมดี ล่องเรือระดับ 5 ดาว  อาหารดีตามโรงแรม5 ดาว และโปรแกรมครบครัน  เพียง 3 ทริปในฤดูกาลนี้  แต่ขณะนี้  ทริปเดือนธันวาคมเต็มแล้ว  เหลือทริปเดือนตุลาคม 6 ที่   และ ทริปกุมภาพันธ์ ปีหน้าอีก 8 ที่เท่านั้นครับ   สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่โทร 0885786666 หรือ LINE ID – 14092498 

               พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ

Posted in ซอกซอนตะลอนไป โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ and tagged , , , .