ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับอียิปต์โบราณ(ตอน3)

ซอกซอนตะลอนไป                           (21 กันยายน 2568)

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับอียิปต์โบราณ(ตอน3) 

โดย   เสรษฐวิทย์  ชีรวินิจ

หลังจากฝังศพ และ ปิดสุสานเรียบร้อย  การจะเข้าไปในสุสานอีกครั้ง  อาจเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้  เพราะไม่มีบันทึกใดที่ระบุถึงการเข้าไปในสุสานอีกครั้ง

แล้วอาหารที่ถวายให้แก่ผู้ตาย  ที่เป็นอาหารสด ที่มีจำนวนไม่มากนัก เนื่องจากห้องที่อาหารถวายไม่ใหญ่นัก และอาหารเหล่านั้นจะเน่าเสียในไม่ช้า 

แล้วในปีถัดไป   วิญญาณของผู้ตายจะเอาอะไรประทังชีวิต

เรื่องนี้มีคำบรรยายจากไกด์ท้องถิ่นบางคนบอกว่า  ชาวอียิปต์โบราณมีวิธีแก้ปัญหาเรื่องอาหารที่อุทิศมีจำนวนไม่เพียงพอ เนื่องจากไม่สามารถเข้าไปในสุสานได้อีก

ชาวอียิปต์โบราณมีความรู้ทางคณิตศาสตร์ที่สูงมาก   มิเช่นนั้น   ก็คงไม่สามารถสร้างสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ เช่น  พีระมิด  หรือ  เสาโอเบอลิสค์ ขึ้นมาได้


(ตัวเลขในภาษาเฮียโรกลิฟ ของอียิปต์โบราณ ที่มีตัวเลขถึงหลักล้าน)

อียิปต์โบราณคิดค้นตัวเลขได้นานมากแล้ว  ก่อนหน้าพวกโรมันนับพันปี   ตัวเลขของอียิปต์โบราณมีตั้งแต่หลักหน่วย จนถึงหลักล้านทีเดียว

วิธีคิดของนักบวชอียิปต์โบราณที่แนะนำในการอุทิศสิ่งของให้แก่ผู้ตายก็คือ   หากต้องการจะอุทิศกวางกี่ตัว  อุทิศเป็ดไก่กี่ตัว  หรือ  สิ่งของต่างๆเป็นจำนวนเท่าไหร่   ก็ให้จารึกเอาไว้บนผนังห้อง  และ  กำกับด้วยตัวเลขเพื่อเป็นการระบุว่า   ต้องการอุทิศเป็นจำนวนเท่าไหร่

แค่นี้ก็เรียบร้อย

คำถามก็คือ  ผู้ตายจะสามารถเอาไปใช้ หรือ ประทังชีพได้อย่างใด  ในเมื่อมันเป็นเพียงภาพที่แกะสลักอยู่บนผนังเท่านั้น   มิได้เป็นของจริงสักหน่อย


(ดวงตาของเทพเจ้าฮอรัส ที่มีอำนาจอย่างมากตามความเชื่อของอียิปต์โบราณ) 

เรื่องนี้ก็ไม่ยาก   นักบวชแนะนำให้แกะสลักรูปดวงตาของฮอรัสเอาไว้ในสุสาน หรือ  ในโลงศพของผู้ตาย  เพื่อผู้ตายจะสามารถใช้ดวงตาดังกล่าวในการอ่านสิ่งที่จารึกไว้บนผนัง   หลังจากอ่านแล้ว   ด้วยอำนาจแห่งดวงตาศักดิ์สิทธิดังกล่าว  ข้าวของเครื่องใช้ และ อาหารการกินต่างๆที่แกะสลักเอาไว้บนผนัง   ก็จะกลายเป็นของจริงให้ “บา” ซึ่งเป็นวิญญาณของผู้ตายสามารถเอาไปบริโภคได้

เป็นการคิดในมุมมองของเทพเจ้าด้วยสามัญสำนึกของมนุษย์แท้ๆ   ส่วนจะได้ผลอย่างไร   ไม่มีใครสามารถให้คำตอบแก่ครอบครัวของผู้ตายได้

มาสตาบ้า นอกจากจะใช้เป็นสุสานในการฝังศพของบุคคลสำคัญของอียิปต์โบราณแล้ว   มันยังมีบทบาทสำคัญอีกอย่างหนึ่งในยุคนั้นก็คือ   การบันทึกเรื่องราวชีวิตประจำวัน  และ  อาชีพการงานของผู้ตายว่าเคยทำอะไรมาบ้าง


(ประตูทางเข้าของ มาสตาบ้าของ คาเกมนิ ภาพการ์ด ที่ยืนอยู่สองข้างประตูก็คือ ตัวคาเกมนิเอง  เหมือนกับรูปสลักยืนในสุสานของ ตุตันคามุน-ภาพของผู้เขียน)

อย่างเช่น   มาสตาบ้า ของ คาเกมนิ (KAGEMNI) ซึ่งมีชีวิตอยู่ในสมัยราชวงศ์ที่ 6 หลังราชวงศ์ที่สร้างพีระมิดแห่งเมืองกีซ่า ถึง 2 ราชวงศ์  

เนื่องจากคาเกมนิ เป็นพระญาติของฟาโรห์ เตติ  เขาจึงได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งประมาณ นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะผู้พิพากษา 

สิ่งที่ปรากฎบนผนังในมาสตาบ้า ของคาเกมนิ  นอกจากจะแสดงภาพการใช้ชีวิตประจำวันของเขาแล้ว   ยังมีภาพที่แสดงให้เห็นว่า  คาเกมนิ เคยมีหน้าที่จัดเก็บภาษีอากร  รวมถึงต้องลากเอาคนที่ไม่ยอมจ่ายภาษีมาลงโทษด้วย

จะว่าไป   มาสตาบ้า ก็ทำหน้าที่ไม่แตกต่างไปจากหนังสือแจกงานศพในยุคปัจจุบันนี้ ที่บอกเล่าเรื่องราวของผู้ตายว่าเป็นลูกหลานใคร  เคยทำงานอะไร เป็นต้น    

มนุษย์ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย  ไม่ว่าในยุคไหนก็ตาม

ผมกำลังจะนำชมทัวร์เจาะลึกอียิปต์แบบ “ทัวร์พรีเมี่ยม” โรงแรมดี ล่องเรือระดับ 5 ดาว  ทานอาหารดีตามโรงแรม 4-5 ดาว และโปรแกรมครบครัน  เพียง 3 ทริปในฤดูกาลนี้  แต่ทริปเดือนธันวาคมเต็มแล้ว  เหลือทริปเดือนตุลาคม 5 ที่ ซึ่งจะต้องปิดกรุ๊ปเพื่อทำวีซ่าในวันที่ 22 นี้  และ ทริปกุมภาพันธ์ ปีหน้าอีก 7 ที่เท่านั้น  สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่โทร 0885786666 หรือ LINE ID – 14092498 

               พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ

Posted in ซอกซอนตะลอนไป โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ and tagged , , , .