ซอกซอนตะลอนไป (30 พฤศจิกายน 2568)
อียิปต์ที่เต็มไปด้วยคำถาม(ตอน6)
โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
ชาวอียิปต์โบราณจัดลำดับความสำคัญของทุกสิ่งทุกอย่างที่จะถวายให้แก่เทพเจ้าอย่างเป็นระบบ
ตัววิหารทั้งหลังจะสร้างด้วยหินทราย ซึ่งมีความแข็งแรงคงทนในระดับหนึ่ง แต่เมื่อลึกเข้าไปในห้องศักดิ์สิทธิ์ที่ไว้สำหรับประดิษฐานเทวรูป จะมีแท่นวางเรืออันเป็นพาหนะของเทพ และ ศาลเจ้า ทั้งสองอย่างนี้จะสร้างด้วยหินแกรนิต ซึ่งเป็นหินที่แกร่งที่สุดในโลกรองลงมาจาก เพชร
วิหารทั้งหลังจะมีกำแพงรอบนอกอีกชั้นหนึ่ง ที่กำหนดอาณาเขตโดยรอบของวิหาร เนื่องจากอาณาเขตรอบนอกจะมีความสำคัญน้อยกว่าส่วนที่อยู่ด้านใน กำแพงรอบนอกนี้ จึงสร้างด้วยดินดิบ หรือ MUD BRICK
นี่คือรูปแบบพื้นฐานของสถาปัตยกรรมการสร้างวิหารของอียิปต์โบราณ
กล่าวคือ กำแพงชั้นนอกสุดที่ครอบคลุมปริมณฑลของวิหารทั้งหลังจะสร้างด้วยดินดิบ ถัดเข้ามาก็จะเป็นกำแพงชั้นนอกของวิหารที่สร้างด้วยหินทราย ถัดเข้ามาก็จะเป็นกำแพงชั้นในที่สร้างด้วยหินทรายเช่นกัน และตรงหัวใจของวิหาร แต่ไม่ใช่ใจกลางสุด ก็คือห้องศักดิ์สิทธิ์ที่เอาไว้สำหรับเก็บเทวรูปที่มักจะหลอมสร้างขึ้นมาด้วยทองคำแท้บริสุทธิ์
แม้ว่ากำแพงชั้นนอกสุดของวิหารจะทำด้วยดินดิบ ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้แข็งแกร่งอะไรเลย แต่ก็มีความเหนียวแน่นคงทนพอสมควร ซึ่งได้พิสูจน์หลังจากเวลาผ่านไปเกือบ 2000 ปี

(วิหารคาร์นัค – ภาพโดยผู้เขียน)
ที่ผมพูดถึงก็คือ กำแพงรอบนอกของวิหารคาร์นัค ซึ่งเป็นวิหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่เมืองลักซอร์ เป็นวิหารที่ถูกสร้างขึ้น ต่อเติม และ บูรณะ โดยฟาโรห์หลายยุคหลายสมัยต่อเนื่องกันมาเป็นเวลานานกว่า 1500 ปี แต่กระนั้น ก็ยังถือว่าเป็นวิหารที่ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์
เรื่องนี้ต้องย้อนหลังไปดูประวัติศาสตร์เมื่อปี 1887 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อียิปต์ตกอยู่ภายใต้การยึดครองของฝรั่งเศส
ขอแทรกประวัติศาสตร์ของอียิปต์ในช่วงเปลี่ยนมือในการยึดครองระหว่างฝรั่งเศส และ อังกฤษสักเล็กน้อย

(นโปเลียน โบนาปาร์ต – ภาพจากวิกิพีเดีย)
หลังจากที่นโปเลียน โบนาปาร์ต ขึ้นครองอำนาจของฝรั่งเศสแล้ว เขาก็เริ่มคิดถึงแผนในการสะกัดกั้นการขยายอำนาจของอังกฤษ ประเทศคู่แค้นยาวนานในประวัติศาสตร์ ไม่ให้แผ่ขยายอำนาจไปทางตะวันออก
ขณะนั้น อังกฤษสามารถสถาปนาอำนาจของตัวเองได้อย่างเบ็ดเสร็จบนดินแดนภารตะ อินเดียเรียบร้อยแล้ว และได้ที่กอบโกยทรัพย์สมบัติและความมั่งคั่งจำนวนมหาศาลกลับไปยังเกาะอังกฤษ และ ทำให้พวกผู้ดีอังกฤษในยุคนั้นสามารถใช้ชีวิตอย่างฟู่ฟ่าฟุ่มเฟือยได้อย่างสุดๆ
นโปเลียน เริ่มด้วยการยกทัพเข้ายึดครองดินแดนทางเหนือของอัฟริกา คือ อียิปต์ ที่ขณะนั้นอยู่ภายใต้อิทธิพลของ อาณาจักรออตโตมานของตุรกี
นโปเลียนยกทัพยึดครองอียิปต์ได้ในปี 1798 หลังจากทำสงครามได้ชัยชนะเหนือกองทัพของพวกแมมลุค ซึ่งปกครองอียิปต์ในนามของ อาณาจักรออตโตมาน
ในช่วงนี้เอง ที่กองทัพฝรั่งเศสได้ค้นพบสิ่งที่เป็นคุณูปการใหญ่หลวงของวิชาโบราณคดีอียิปต์ และกลายเป็นรากฐานของการศึกษาวิชาอียิปต์ศาสตร์จนทึกวันนี้

(หินโรเซตตา ปัจจุบันอยู่ในพิพิทภัณฑ์ บริติช-ภาพโดยผู้เขียน)
นั่นก็คือ หินโรเซตตา (ROSETTA STONE)
จะพูดถึงเรื่องกำแพงดินดิบ ไฉนเรื่อยเปื่อยมาถึงเรื่องนี้ได้ พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ
ผมกำลังจะนำชมทัวร์เจาะลึกอียิปต์แบบ “ทัวร์พรีเมี่ยม” โรงแรมดี ล่องเรือระดับ 5 ดาว อาหารดีตามโรงแรม5 ดาว และโปรแกรมครบครัน ขณะนี้ เหลือเพียงทริปเดือนมีนาคมปีหน้าอีกเพียงทริปเดียวเท่านั้น สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่โทร 0885786666 หรือ LINE ID – 14092498





