ยกเลิกมาตรา 370 ภารกิจรัฐบุรุษ(ตอน39)

ซอกซอนตะลอนไป                           (4 พฤษภาคม 2568)

ยกเลิกมาตรา 370 ภารกิจรัฐบุรุษ(ตอน39)

หลังอินเดียประกาศอิสรภาพ

โดย   เสรษฐวิทย์  ชีรวินิจ

ตัดภาพเหตุการณ์มาสู่หลังปี 1950 เมื่ออินเดียได้ประกาศกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับแรก โดยมีมาตรา 370 ที่ให้สิทธิพิเศษอย่างมากแก่ชาวมุสลิมในรัฐจามมู และ แคชเมียร์

และตัดสิทธิ์จำนวนมากของชาวฮินดู และ ชาวซิกห์ ออกไปด้วย


(นาธูราม กอดเซ่ ผู้สังหารคานธี – ภาพจากวิกิพีเดีย)

ในวันที่กฎหมายรัฐธรรมนูญของอินเดียบังคับใช้  อาจไม่มีใครสนใจในประเด็นดังกล่าวมากนัก   เพราะประเทศเพิ่งผ่านเหตุการณ์สะเทือนขวัญเมื่อวันที่ 30 มกราคม ปี 1948 ที่มหาตะมะ คานธีถูกสังหารโดย นายนาธูราม กอดเซ่ (NATHURAM GODSE) มาไม่นาน

หากมีโอกาส  ผมจะนำเรื่องราวการลอบสังหารนี้ และ แนวคิดของคนอินเดียในปัจจุบันนี้ต่อการลอบสังหารนี้มาเล่าให้ฟัง


(คณะรัฐมนตรีชุดแรกของอินเดีย  นายชามา ปราสาด มุคเฮอร์จี (แถวนั่งขาวสุด)-ภาพจากวิกิพีเดีย)

เนห์รู เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของอินเดียตั้งแต่ปี 1947 และเรื่อยมาติดต่อกัน 4 สมัยจนเสียชีวิตในปี 1964 เพราะขณะนั้น  พรรคคองเกรสที่มีเนห์รู และ คานธี เป็นตัวชูโรงกำลังได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างมาก

ในคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลเนห์รู 1 มีนายชามา ปราสาด มุกเฮอร์จี ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม   แต่เขาก็ลาออกก่อนพร้อมกับนาย เค ซี นีโอจี(K.C.NEOGY)รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 8 เมษายน ในปี 1950


(นายเลียกัต อาลี ข่าน นายกรัฐมนตรีคนแรกของปากีสถานภาพจากวิกิพีเดีย)

เหตุผลขอการลาออกก็คือ   ความไม่พอใจต่อการลงนามระหว่างนายเนห์รู กับ นายเลียกัต อาลี นายกรัฐมนตรีฝ่ายปากีสถาน ในสนธิสัญญาที่เรียกว่า สนธิสัญญาเลียกัต-เนห์รู  ที่มีสาระเกี่ยวกับคนส่วนน้อยที่ยังติดอยู่ในประเทศอินเดีย และปากีสถาน

สาระของสนธิสัญญาที่ดูดี  แต่ไร้ผลในเรื่องการบังคับใช้  

นับแต่นั้นมา  นายชามา ปราสาด มุกเฮอร์จี ก็ไม่เคยถูกเชิญให้เข้าดำรงตำแหน่งใดๆของรัฐบาลเนห์รูอีกเลย  เพราะเนห์รูคงประเมินแล้วเห็นว่า   นายมุคเฮอร์จี อาจจะสร้างปัญหาแก่เขาในอนาคตได้  เพราะควบคุมยาก

ที่สำคัญก็คือ  ในขณะนั้นบุคคลที่ทุกคนในคณะรัฐบาลและในประเทศอินเดีย ให้ความเกรงใจก็คือ มหาตะมะ คานธี ก็ไม่อยู่แล้ว   ยิ่งไม่มีใครที่จะสามารถพูดคุยขอร้องกับนายมุคเฮอร์จีได้


(ดินแดนหุบเขาแคชเมียร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่สุด-ภาพจากกูเกิล)

มุคเฮอร์จี คงจะได้รับการร้องเรียน  และ  ร้องทุกข์จากชาวฮินดูที่ตั้งถิ่นฐานในจามมู และ แคชเมียร์  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหุบเขาแคชเมียร์ ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่สุด  อันเป็นผลกระทบจากกฎหมายพิเศษมาตรา 370

ชาวฮินดู ในแคชเมียร์ ไม่ได้รับสิทธิทางกฎหมายของอินเดีย  เหมือนกันกับชาวฮินดูที่อาศัยอยู่ในรัฐอื่นๆ  ยิ่งไปกว่านั้น  ชาวฮินดูในแคชเมียร์ ยังได้รับสิทธิทางกฎหมายน้อยกว่าชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ในแคชเมียร์ และรัฐอื่นๆของอินเดียด้วย

ราวกับว่า  พวกเขาไม่ได้อยู่ในประเทศเดียวกัน  

นายชามา ปราสาด มุคเฮอร์จี จึงได้ตั้งสโลแกนขึ้นมาว่า “อินเดียเดียว  ประเทศชาติเดียว” (ONE INDIA , ONE NATION) เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับกฎหมายฉบับนี้

แล้วเขาก็ตัดสินใจเดินทางไปแคชเมียร์ เพื่อสำรวจให้เห็นกับตาว่า   กฎหมาย 370 ส่งผลอะไรต่อชาวฮินดูในแคชมียร์ 

               เขาไม่รู้เลยว่า   นั่นจะเป็นการเดินทางครั้งสุดท้ายของเขา

               พบกับโปรแกรม เจาะลึกอียิปต์ 10 วัน 7 คืน ของฤดูกาลปลายปีนี้  ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม เป็นต้นไป  บรรยายชมโดยผู้เชียวชาญอียิปต์ และเป็นผู้เขียนหนังสือไกด์บุ๊ค 4 เล่ม  รวมถึงไกด์บุ๊ค “อียิปต์-กรีซ-ตุรกี” สอบถามได้ที่โทร 0885786666 หรือ LINE ID – 14092498

               พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ

Posted in ซอกซอนตะลอนไป โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ and tagged , , , .