ซาลส์เบิร์ก – โมซาร์ท บอกว่า ผมไม่ใช่ชาวออสเตรีย

ซอกซอนตะลอนไป    (4 ตุลาคม 2556 )

ซาลส์เบิร์ก  –  โมซาร์ท บอกว่า   ผมไม่ใช่ชาวออสเตรีย   

โดย   เสรษฐวิทย์  ชีรวินิจ 

               นอกเหนือจากเวียนนาแล้ว  ใครไปออสเตรีย ก็มักจะต้องไปเยือน  ซาลส์เบิร์ก ด้วยเหตุผล 2 ประการ  

               เหตุผลแรกก็คือ  ซาลส์เบิร์ก เป็นบ้านเกิดของ คีตกวีอัจฉริยะของโลก ที่ชื่อ  วูล์ฟกัง อมาเดอุส โมซาร์ท (WOLFGANG AMADEUS MOZART) หรือเรียกกันสั้นๆว่า โมสาร์ท   


(ภาพโมสาร์ท)

               โมสาร์ท เสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ปีค.ศ. 1791 ขณะอายุเพียง 35 ปี  เพิ่งจะครบรอบ 200 ปีไปเมื่อ 22 ปีที่แล้ว 

               เหตุผลที่สองก็คือ  ซาลส์เบิร์กเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เพลงเรื่อง THE SOUND OF MUSIC  ที่ทำให้เมืองซาลส์เบิร์กเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก  

               เมืองซาลส์เบิร์ก แบ่งออกเป็นสองส่วน  คือเมืองเก่า  และ  เมืองใหม่ โดยมีแม่น้ำ ซัลซัค(SALZACH RIVER) ขั้นกลาง   บ้านเกิดของโมสาร์ท  อยู่ในเขตเมืองเก่าก่อนที่จะย้ายมาอยู่ฝั่งเมืองใหม่ในภายหลัง


(บ้านเกิดของโมสาร์ท  ซึ่งเป็นห้องเช่าบนชั้น 3)

               ปัจจุบัน  บ้านเกิดของโมสาร์ท กลายเป็นพิพิทภัณฑ์ที่ทรงคุณค่าของเมืองไปแล้ว  ใครมาถึงที่นี้  อย่างน้อยที่สุดก็ต้องถ่ายรูปบ้านของเขาไว้เป็นที่ระลึก

               หากยืนอยู่หน้าบ้านของโมสาร์ท  เลี้ยวซ้ายแล้วเดินไปตามถนนไปเรื่อยๆจนถึงลานกว้างขวามือ   ตรงนี้มีอะไรให้ดูแยะทีเดียว

               ในอดีต   ก่อนที่จะมีระบบประปาใช้เมื่อประมาณ 100ปีเศษที่แล้ว   สมัยนั้น ไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไร   ทุกบ้านที่อาศัยอยู่ตามอพาร์ตเมนต์ต่างๆ   จะต้องลงมาตักน้ำจากบ่อน้ำที่อยู่ในลานกว้างแล้วนำขึ้นไปใช้ที่ห้องของตัวเองทุกคน


(ชายหญิงคู่หนึ่ง ให้จิตรกรวาดรูปคู่ข้างบ่อน้ำ ความรักวนเวียนอยู่แถวนี้)

               ดังนั้น  บ่อน้ำของชุมชนจึงเป็นเสมือนสโมสรหมู่บ้านไปกลายๆ   ชายใดหากต้องการจะพบกับหญิงสาวก็มักจะมาที่บ่อน้ำ  รอเวลาให้สาวเจ้ามาตักน้ำที่นี่

               จึงเกิดเรื่องราวแห่งความรักมากมายที่บ่อน้ำทุกแห่งในยุโรป

               ใกล้ๆกับบ่อน้ำในลานกว้างแห่งนี้   มีร้านกาแฟซึ่งว่ากันว่าเก่าแก่มากทีเดียว   ชื่อว่าร้าน  TOMASSELLI   ว่ากันว่า   แม้แต่โมสาร์ทก็ยังเคยมากินกาแฟที่ร้านนี้ด้วย

               ผมไม่ใช่คอกาแฟ และไม่เคยลองกาแฟของร้านนี้ เลยบอกไม่ได้ว่าอร่อยหรือไม่   แต่ผ่านไปทีไรก็มักจะเห็นคนแน่นทุกที


(ร้านกาแฟ โธมัสเซลลี  ว่ากันว่า  โมสาร์ทก็เคยมาทานกาแฟที่นี่)

               ตรงกันข้ามกับร้านกาแฟ โทมาสเซลลี  ก็คือ ร้านกาแฟ และ ช๊อคโกแล๊ตที่ชื่อ FURST  เป็นร้านที่ริเริ่มในการทำช๊อคโกแล๊ตเป็นรูปทรงกลม   จะทำให้กลายเป็นรูปแบบช๊อคโกแล๊ตที่ได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้


(ร้านกาแฟโมสาร์ท  ที่ไม่ใช่ของโมสาร์ท)

               โดยเฉพาะ  ช๊อคโกแล๊ต ยี่ห้อ  โมสาร์ท 


(แม้กระทั่งช๊อคโกแล๊ตก็ยี่ห้อโมสาร์ท)

               หากโมสาร์ท  ฟื้นคืนชีพมาในวันนี้    เขาจะเป็นคนที่ร่ำรวยมหาศาลที่สุดในโลก   เพราะแทบทุกธุรกิจในซาลส์เบิร์ก ล้วนอาศัยชื่อของโมสาร์ท หากินทั้งสิ้น    ยังไม่ต้องพูดถึงลิขสิทธิ์เพลงที่แสนไพเราะของเขาอีกมากมาย  ที่นักวิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วบอกว่า


(ร้านเฟริทส์  ที่เป็นผู้คิดค้นช๊อคโกแล๊ตแบบก้อนกลม) 

               ถ้าเปิดเพลงของโมสาร์ท ให้เด็กแรกเกิดฟังสม่ำเสมอ   เด็กจะฉลาด

               แต่ถ้าโมสาร์ท  ฟื้นขึ้นมาในวันนี้   เขาก็อาจจะไม่สบอารมณ์บางอย่าง   เมื่อรู้ว่า  เขากลายเป็นพลเมืองของออสเตรียไปแล้ว 


(ช๊อคโกแล๊ตโมสาร์ท  ที่โดดเด่นด้วยรูปทรงกลม)

               เพราะชาวเมืองซาลส์เบิร์ก เขามีความภาคภูมิใจในการเป็นชาวซาลส์เบิร์ก  มากกว่าการเป็นชาวออสเตรีย  ด้วยเหตุนี้  เราจึงจะเห็นว่า   ในซาลส์เบิร์กจะขายสินค้าต่างๆที่เชื่อมโยงกับ โมสาร์ท มากกว่าจะเชื่อมโยงกับ  ราชินี อลิซาบธ ซีซี

               เพราะซาลส์เบิร์ก เป็นเมืองอิสระ  ที่ปกครองตนเองมาโดยตลอด   แม้กระทั่งในช่วงอายุขัยของ โมสาร์ทด้วยซ้ำ

               ซาลส์เบิร์ก เพิ่งจะถูกผนวกรวมกับ ประเทศออสเตรียเมื่อปี ค.ศ. 1805  หรือหลังจากที่โมสาร์ทได้เสียชีวิตไปแล้วถึง 14 ปี

               ดังนั้น   หากถามโมสาร์ท ตอนที่เขาฟื้นคืนชีพมาอีกครั้งในวันนี้  ว่า  คุณเป็นชาวออสเตรียใช่หรือไม่   โมสาร์ท ก็จะตอบทันทีว่า   ผมไม่ใช่คนออสเตรีย  

               แต่ผมเป็น ชาวซาลส์เบิร์ก ครับ

Posted in ซอกซอนตะลอนไป โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ and tagged , , , .

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *