ยุทธนาวีครั้งสุดท้ายของมาร์ก แอนโทนี และ คลีโอพัตรา(ตอน 2)

ซอกซอนตะลอนไป             (12 กันยายน 2557)

ยุทธนาวีครั้งสุดท้ายของมาร์ก แอนโทนี และ คลีโอพัตรา(ตอน 2)

โดย   เสรษฐวิทย์  ชีรวินิจ

               ออคเทเวียน พยายามเตือนมาร์ก แอนโทนี หลายหน  ให้เดินทางกลับไปโรม และ ให้เลิกราจากพระนางคลีโอพัตราเสีย

               ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ  การไปมีสัมพันธ์กับหญิงอื่นในขณะที่ยังมีภรรยาและลูกเป็นตัวเป็นตนแบบนี้   มันเป็นเสมือนการหยามเกียรติของตระกูลฝ่ายหญิง 

               นอกจากนี้  คลีโอพัตรา ก็ยังเป็นผู้ปกครองของต่างชาติ   การที่ผู้นำคนหนึ่งไปมีความสัมพันธ์แบบนี้   ย่อมไม่ใช่เรื่องดีต่อโรมแน่นอน 

               แต่พระนางคลีโอพัตรา คงจะเป็นหญิงที่มีเสน่ห์ร้ายกาจ  สามารถสะกดผู้ชายที่ห้าวหาญ  ดุดันในสนามรบให้กลายเป็นแมวเชื่องๆได้  ไม่ว่าจะเป็นจูเลียส ซีซาร์  ซึ่งเคยได้รับการสถาปนาให้เป็น “เผด็จการตลอดชีพ” ของโรมมาแล้ว 


(แผนที่ของอียิปต์  เมืองอเล็กซานเดรียก็คือจุดที่มีลูกศรชี้)

               ว่ากันว่า   ในช่วงที่มาร์ก แอนโทนี อยู่ในเมืองอเล็กซานเดรีย   พระนางคลีโอพัตรา ดูแล มาร์ก แอนโทนีอย่างดียิ่ง   มีปาร์ตี้บนเรือแทบทุกวัน 

               ครั้งหนึ่ง   มาร์ก แอนโทนี จัดปาร์ตี้บนเรือด้วยอาหารชั้นดีที่สุดเท่าที่จะหามาได้   เพื่อแสดงถึงอำนาจบารมีของตนเอง   และ ต้องการให้พระนางคลีโอพัตรา ประทับใจ


(เหรียญกษาปณ์ ที่ออกในสมัยของพระนางคลีโอพัตรา  มีรูปของพระนางอยู่บนเหรียญ  จัดว่าไม่ขี้เหร่เท่าไหร่)

หลังจากทานอาหารเรียบร้อย   มาร์ก แอนโทนี  ถามพระนางคลีโอพัตราบอกว่า   พระนางจะเลี้ยงอาหารอะไรเป็นการตอบแทน

พระนางคลีโอพัตราบอกว่า    จะจัดเลี้ยงอาหารที่มีราคาแพงที่สุดให้แก่มาร์ก แอนโทนี

เมื่อถึงวันเลี้ยง  บนโต๊ะอาหารไม่มีอะไรเลย  นอกจากจอกสองจอก   มาร์ก แอนโทนี ก็ถามว่า  ไหนล่ะ   อาหารที่แพงที่สุดที่พระนางจะเลี้ยง 


(มาร์ก แอนโทนี  และ คลีโอพัตรา  ตามจินตนาการของนักสร้างภาพยนตร์   นำแสดงโดย ริชาร์ด เบอร์ตัน และ อลิซเบธ เทย์เลอร์)

พระนางคลีโอพัตรา ก็ถอดสร้อยไข่มุกที่สวมที่คอออกมา  แล้วใส่เข้าไปในถ้วยทั้งสองที่มีของเหลว  แล้วก็บอกว่า  นี่อย่างไร

ของเหลวที่อยู่ในถ้วยนั้น   แท้จริงก็คือน้ำส้มสายชู ซึ่งละลายไข่มุกทั้งหมดให้กลายเป็นของเหลว

ว่าแล้ว   พระนางก็ยกถ้วยแก้วให้มาร์ก แอนโทนี ถ้วยหนึ่ง   ของตนเองถ้วยหนึ่ง  แล้วยกดื่มรวดเดียวหมด 

นี่ไงอาหารที่แพงที่สุดในโลก 


(พระนางคลีโอพัตรา ขณะล่องเรือในแม่น้ำไลน์  จากจินตนาการของจิตรกรชื่อ ลอว์เรนซ์ อัลมา ทาเดมา(LAWRENCE ALMA TADEMA) )

นี่เป็นเรื่องที่บันทึกมา  เพื่อแสดงให้เห็นถึงปฎิภาณไหวพริบของพระนางคลีโอพัตรา   แต่กรุณาอย่าเอาไปทดลองทำที่บ้านนะครับ

ผมประเมินจากการอ่านเอกสารต่างๆ  เห็นว่า  พระนางคลีโอพัตรา น่าจะเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มากเอาการคนหนึ่ง   โดยเฉพาะต่อเพศตรงข้าม

ทำให้มาร์ก แอนโทนี ยอมละทิ้งทุกอย่าง  ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์กับ “สามพันธมิตร” โดยเฉพาะ กับออคเทเวียน ซึ่งนับวันจะมีอำนาจแข็งแกร่งมากขึ้นทุกวัน 

แอนโทนี ยอมละทิ้งภรรยา ผู้เป็นพี่สาวของ ออคเทเวียน และลูกๆของเขาไว้ที่โรม  และ โอกาสที่จะก้าวขึ้นมามีอำนาจในโรม  เพียงเพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียว 

ผมคิดว่า   ผู้หญิงคนนี้น่าจะต้องมีเสน่ห์อย่างน่าสยองขวัญทีเดียว


(ปัจจุบัน   การล่องเรือในแม่น้ำไนล์  เป็นสิ่งที่แสนสะดวกสบาย  และอยู่ในโปรแกรมท่องเที่ยวของ ไวท์ เอเลแฟนท์ ทราเวล เอเยนซี่ ที่ผมจะนำไปด้วย)

สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่าง มาร์ก แอนโทนี กับ ออคเทเวียน ดูไม่ดีเลย   ซึ่งจะพลอยทำให้สถานการณ์ในโรมย่ำแย่ไปด้วย     วุฒิสภาจึงต้องเรียกทั้งสองฝ่ายให้ใกล่เกลี่ยกัน  หลังจากไกล่เกลี่ยกันแล้ว    มาร์ก แอนโทนี ก็เดินทางกลับไปอียิปต์ อีกครั้ง


(รูปสลักนูนต่ำที่พบในวิหารโบราณในประเทศอียิปต์   ด้านซ้ายบนที่เป็นรูปวงรีก็คือ พระนามของพระนางที่เขียนด้วยภาษาฮีโรกริฟิค(HIEROGLYPHICS) )       

ก่อนหน้านั้น   มาร์ก แอนโทนีได้ลูกฝาแฝดชายและหญิง จากพระนางคลีโอพัตราแล้ว   จึงอาจจะเป็นสาเหตุที่เขาเลือกคลีโอพัตรา แทนที่จะเป็นภรรยาของเขา  และ ความมั่นคงของตัวเองในโรม

หลังจากนั้น   พระนางคลีโอพัตรา ก็ให้กำเนิดโอรสอีกหนึ่งองค์ให้แก่ มาร์ก แอนโทนี


(หนังสือพ๊อคเก็ตบุ๊ค หนึ่งในสี่เล่มที่ผมเขียนขึ้นครับ)

มาร์ก แอนโทนี ดูเหมือนจะไม่แยแสต่อสิ่งใดแล้ว    เขาเปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์กับคลีโอพัตรา ฉันท์สามีภรรยากันต่อหน้าที่สาธารณะ   แม้กระทั่งร่วมขบวนพาเหรดของราชวงศ์ปโตเลมี ที่มีลูกทั้งสามของเขา ร่วมขบวนไปกับ ซีซาร์เรียน ลูกของคลีโอพัตราที่เกิดแต่ จูเลียส  ซีซาร์ ด้วย

บรรดาลูกทั้งสามของมาร์ก แอนโทนี ล้วนแต่งกายในชุดเครื่องทรงเต็มยศที่บอกตำแหน่งราชโอรสของอียิปต์อย่างชัดเจน 

เรื่องนี้ไปถึงโรม  และได้สร้างความโกรธแค้นให้แก่ชาวโรมอย่างยิ่ง   เพราะมีกฎหมายที่ห้ามชาวโรมันแต่งงานกับคนต่างชาติ   โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  คนระดับผู้นำของโรม มาแต่งงานกับ ราชินีของอีกชาติหนึ่ง

จะว่าไปก็คล้ายกับการทรยศต่อโรม  ซึ่งมีโทษสถานเดียวก็คือ  ประหารชีวิตด้วยการจับโยนลงมาจากหน้าผาตรง “หินทาเพียน”

จึงเหมือนกับยิ่งเป็นการผลักดันให้มาร์ก แอนโทนี ไม่มีทางเลือกอื่น   นอกจากจะแปรพักตร์ไปกลายเป็นประชาชนชาวอียิปต์

ในที่สุด  ปี 32 ก่อนคริสตกาล   มาร์ก แอนโทนีก็หย่าขาดจาก ออคเทเวีย  เป็นการเลือกข้างไปในตัว

ในขณะที่  ออคเทเวียน  ก็กำจัด เลปิดุส  ซึ่งเป็นหนึ่งในสามพันธมิตร ออกไปให้พ้นทางด้วยข้อหา  คิดก่อการกบถต่อเขา    จากนั้นก็ประกาศสงครามกับ พระนางคลีโอพัตรา แห่งอียิปต์ 

ซึ่งก็เท่ากับปรากาศสงครามต่อ มาร์ก แอนโทนีด้วย

สงครามระหว่างโรมซึ่งขณะนั้นก็คือมหาอำนาจแห่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน  กับ  อียิปต์  ซึ่งเป็นชาติที่มีอารยธรรมเก่าที่สุดชาติหนึ่งในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน  จึงระเบิดขึ้น

และสมรภูมิรบครั้งแรกก็คือ  ยุทธนาวีที่อ่าวแอคเทียม  เมื่อวันที่ 2 กันยายน ปี 31ก่อนคริสตกาล

               เดือนธันวาคม นี้  ผมจะมีทัวร์ไปเที่ยวอียิปต์ แบบเจาะลึก  พักสบายๆในเรือขนาด 5 ดาวดีลักซ์ 4 คืน พักโรงแรม 5 ดาวดีลักซ์ 4 คืน   สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่ 02 651 6900   แจกหนังสือ “ท่องโลกศิลปวัฒนธรรมกับ เสรษฐวิทย์ ตอน อียิปต์  กรีซ  ตุรกี” ด้วยครับ   

พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ    

Posted in ซอกซอนตะลอนไป โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ and tagged , , , .

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *