“ชีวิตเหมือนฝัน คุณหญิงมณี”จากเด็กไร้บ้าน มาเป็นสะใภ้หลวง(ตอน 17)

ซอกซอนตะลอนไป                           (4 มีนาคม 2559 )

“ชีวิตเหมือนฝัน คุณหญิงมณี”จากเด็กไร้บ้าน มาเป็นสะใภ้หลวง(ตอน 17)

โดย   เสรษฐวิทย์  ชีรวินิจ

               “แม้ว่าการดำเนินชีวิตของพระองค์อาภัส และ ข้าพเจ้าที่ไฮเออร์มีดเป็นไปอย่างราบรื่น และสงบ  แต่ในส่วนลึกของหัวใจนั้น  ข้าพเจ้าไม่มีความรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับท่านเหมือนเมื่อข้าพเจ้าอยู่กับเจรี่”  

               คุณหญิงมณี  เริ่มต้นย่อหน้าแรกของบทที่ 32 เอาไว้อย่างนี้ 

               แม้ว่าในช่วงที่อยู่ที่ไฮเออร์มีด   พระองค์อาภัสจะแสดงให้เห็นว่า  เป็นคนขยันขันแข็ง  ตั้งใจทำฟาร์มอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย  และไม่รังเกียจงาน แม้การกวาดปฎิกูลในบ้านไก่  ลงมือรีดนมวัวเอง  บางครั้งต้องขับรถแทรคเตอร์เป็นเวลานานๆเพื่อให้งานเตรียมดินเสร็จทันกับฤดูกาลที่กำลังจะมาถึง  ท่านก็ทำ   

               ซึ่งก็ทำให้ชีวิตครอบครัวในไฮเออร์มีด มีความสุขราบรื่นในระดับหนึ่ง    แต่กระนั้น   หม่อมมณีก็ยังมีความรู้สึกว่า   ชีวิตคู่ของทั้งสองมีอะไรที่บกพร่อง  และไม่สมบูรณ์อยู่ 

               คุณหญิงมณีได้เขียนเอาไว้ว่า 

               “คงเป็นเพราะว่าจิตใจของเราไม่เหมือนกัน   ข้าพเจ้ารู้สึกเศร้าใจทุกครั้งเวลาที่พระองค์อาภัสตำหนิติเตียนมารดาของข้าพเจ้า  หรือ เวลาที่พระองค์อาภัสกริ้วลูกชายคนโต  ทำให้ข้าพเจ้าเข้าใจว่า  พระองค์อาภัส มีพระทัยขาดความเมตตาปรานี………อีกประการหนึ่ง  ความคิดเห็นและอุดมการณ์ของข้าพเจ้ากับพระองค์อาภัสก็ไม่ตรงกันเลย   ข้าพเจ้ามักจะเป็นที่หมั่นไส้ดูแคลนของพระองค์อาภัสเมื่อเวลาที่ข้าพเจ้าแสดงความโอนเอียงสงสารผู้ที่ขัดสนยากไร้” 

               เป็นร่องรอยความแตกร้าวในชีวิตคู่ของคนทั้งสอง    


(พระองค์อาภัส ภาพจากวิกิพีเดีย )

               สงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลงในปลายปีพ.ศ. 2488    บ้านเมืองค่อยๆกลับเข้าสู่สภาพปกติ   หม่อมมณี จึงปรึกษากับพระองค์อาภัส และได้ข้อตกลงกันว่า  จะกลับเมืองไทย  เพื่อให้พระองค์อาภัสได้ใช้วิชาการสมัยใหม่ เช่น รถแทร็คเตอร์ ไปใช้ในการทำนา หรือ ทำฟาร์ม ในประเทศไทย

               ในสมัยนั้น   การเดินทางกลับประเทศไทยจะต้องจองเรือที่จะเดินทางล่วงหน้านาน 6 เดือน   และต้องใช้เวลาเดินทางอีก 3 สัปดาห์กว่าจะถึงสิงคโปร แล้วลงเรือเล็กต่อเข้าประเทศไทยอีกทอดหนึ่ง 

               ช่วงเวลาก่อนหน้าที่จะกลับประเทศไทย  นอกจากจะต้องขายบ้านไฮเออร์มีด ซึ่งทำกำไรให้ได้มากกว่าเท่าตัวแล้ว   หม่อมมณี ใช้เวลาเดินทางไปอำลา ผู้ใหญ่ และ มิตรสหาย  ที่สำคัญก็คือ  การเข้าไปทูลลาสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ที่ตำหนักคอมตัน เฮ้าส์  

               มารี  เพื่อนสนิทของหม่อมมณี แต่งงานแล้ว   แต่มิได้แต่งงานกับอีริค ที่เป็นแฟนกันตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ  หากมาแต่งงานกับบิล ซึ่งกำลังเรียนผู้ตรวจสอบบัญชีอยู่  มารีต้องทำงานหนักเพื่อให้สามีเรียนจบโดยเร็ว   ด้วยหวังว่า   เมื่อบิลเรียนจบแล้ว  ชีวิตของทั้งคู่น่าจะดีขึ้น เพราะผู้ตรวจสอบบัญชีมีรายได้ดีมาก  

               มารี เป็นเพื่อนสนิทชาวอังกฤษคนเดียวของคุณหญิงมณี  ที่ยังติดต่อกันมาอีกนาน 50 ปี 

               ในขณะที่มิสดอริส มารดาของหม่อมมณี มีอายุ 60 ปีแล้วในขณะนั้น  มีเงินทองใช้เพียงพอที่จะมีชีวิตที่สุขสบายจากเงินที่หม่อมมณีได้เตรียมไว้ให้ โดยหวังว่า  เธอจะไม่ดิ้นรนทำโครงการธุรกิจอะไรอีก

               ซึ่งดูเหมือนจะผิด

               วันที่ต้องอำลาบ้านไฮเออร์มีด เป็นเวลาแห่งความลำบากใจ   ทั้งสองเดินดูไร่ที่อุตส่าห์ลงแรงจนให้ผลงดงาม ไม่ว่าจะเป็นแอปเปิ้ล แพร์ หรือ พลัม   จนทำให้อดคิดไม่ได้ว่า  การละทิ้งชีวิตที่สงบเงียบเป็นธรรมชาติไปนี้  เป็นการกระทำที่ถูกต้องหรือไม่ 

               คุณหญิงมณี  เขียนเอาไว้ตอนหนึ่งว่า

               “ขณะที่เดินดูอาณาบริเวณไร่ของเราเป็นครั้งสุดท้าย ก็รู้สึกใจหายเป็นที่สุด  เพราะเรากำลังจากชีวิตที่แน่นอนอันมีความหมาย ไปสู่ชีวิตใหม่ที่ไม่อาจทราบได้เลยว่า  จะมีผลสะท้อนเป็นอย่างไร”

               แต่ในที่สุด  หม่อมมณี และ ครอบครัวก็ลงเรือโอแรนย่า เพื่อเดินทางกลับเมืองไทย  

               อันที่จริง  คุณหญิงมณี ให้รายละเอียดในช่วงของการเตรียมตัวกลับเมืองไทยนี้ค่อนข้างมาก  และ หลากลาย  ได้พูดถึงบุคคลหลายคนในแง่มุมที่น่าสนใจมาก  ไม่ว่าจะเป็นอุปนิสัยใจคอของพระองค์จุลฯ  และวิถีชีวิตของพระองค์พีระ นักแข่งรถเจ้าดาราทอง  และ  อีกหลายคน

               สำหรับท่านที่อยากรู้รายละเอียดในส่วนนี้   ผมแนะนำให้หาซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่านนะครับ  จะได้รายละเอียดดีกว่ามากทีเดียว


(สนใจซื้อหนังสือ “ชีวิตเหมือนฝัน คุณหญิงมณี สิริวรสาร” ที่คุณเพชรชมพู โทร  099 425 9112 รายได้มอบให้แก่ มูลนิธิ มณี สิริวรสาร เพื่อเป็นกองทุนการศึกษานักเรียน นักศึกษาที่ยากไร้)

               การกลับเมืองไทยครั้งนี้  ครอบครัวของหม่อมมณีได้รับเมตตาจาก “พี่หญิง” หม่อมเจ้ารำไพประภา ซึ่งเป็นพี่สาวแท้ๆของพระองค์อาภัส  กับ หม่อมเจ้าธานีเสิกสงัด ชุมพล พระสวามี ให้ครอบครัวไปพักที่บ้านของท่านที่อยู่บนถนนสุขุมวิท บนเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ ในช่วงที่ทั้งคู่ยังต้องหาบ้านพักถาวรอยู่    


(หม่อมเจ้ารำไพประภา  ภาพจากวิกิพีเดีย) 

(หม่อมเจ้าธานีเสิกสงัด ชุมพล ภาพจาก วิกิพีเดีย)

               เป็นการกลับบ้านเกิดครั้งแรก  นับตั้งแต่ต้องจากไปเมื่อ 13 ปีที่แล้ว ซึ่งขณะนั้นนางสาวมณีอายุเพียง 19 ปีเท่านั้น  แต่ขณะนี้ เธอมีอายุย่างเข้า 32 ปีแล้ว  

               การจากเมืองไทยไปเมื่อ 13 ปีก่อน  นางสาวมณีเดินทางไปอังกฤษแต่เพียงลำพังคนเดียว   แต่ครั้งนี้   เธอเดินทางกลับเมืองไทยพร้อมด้วยสามี และ ลูกๆอีก 3 คน

               การจากบ้านครั้งนั้น  เธอมีฐานะเพียง “นางสาว”ธรรมดาๆคนหนึ่ง   แต่การกลับมาครั้งนี้   เธอมีฐานะเป็นถึง “หม่อม”

               ชีวิตใหม่กำลังจะเริ่มต้นอีกครั้ง   ชีวิตเหมือนฝันจริงๆ

               พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ    

               (เชิญติดตามอ่านบทความ  ดูดวงออนไลน์ ที่ผมเขียนใน แนวหน้าดอทคอม นี้ด้วย ในนามปากกา “ธรรมาธิปติ”)  

Posted in ซอกซอนตะลอนไป โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ and tagged , , , , .

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *