ฆาตรกรรมต่อเนื่อง รายา และ ซากินา ของอียิปต์ (ตอน1)

ซอกซอนตะลอนไป                           (4 กันยายน 2565)

ฆาตรกรรมต่อเนื่อง รายา และ ซากินา ของอียิปต์ (ตอน1)

โดย   เสรษฐวิทย์  ชีรวินิจ

               อเล็กซานเดรีย เป็นเมืองท่าชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของอียิปต์ ก่อตั้งโดยอเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งมาซิโดเนีย เมื่อปี 332ก่อนคริสตกาล และกลายเป็นเมืองหลวงของราชวงศ์ปโตเลมี ซึ่งเป็นราชวงศ์สุดท้ายของอียิปต์มานานราว 300 ปี


(แผนที่ของอียิปต์ แสดงที่ตั้งของเมืองอเล็กซานเดรีย ที่อยู่ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน)

               เป็นเมืองที่น่าอยู่มากที่สุดแห่งหนึ่งของอียิปต์  เพราะมีภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน  และ  มีความเจริญทางวัตถุมากกว่าเมืองอื่นๆที่อยู่ลึกเข้าไปในแผ่นดิน

               ในยุคที่อังกฤษปกครองอียิปต์  อเล็กซานเดรีย มีบ้านเรือนในรูปแบบศิลปะแบบวิคตอเรียของอังกฤษ เรียงรายตามถนนหน้าชายหาดโค้งไปตามอ่าวอเล็กซานเดรีย ซึ่งสันนิษฐานว่า  ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งของโบราณสถานยุคปโตเลมี และ พระราชวังของประนางคลีโอพัตราด้วย  


(ถนนเลียบชายหาดของอ่าวอเล็กซานเดรีย  ซึ่งเป็นที่ตั้งของโบราณสถานหลายแห่งของยุคปโตเลมี รวมถึงพระราชวังของพระนางคลีโอพัตรา ที่ 7 )

               ถนนน่าจะคราคร่ำไปด้วยรถเทียมม้าที่วิ่งไปตามถนน  ผู้คนนั่งจิบน้ำชาตามร้านน้ำชาริมถนน มองดูผู้คนเดินไปเดินมา   ดูเหมือนจะเป็นชีวิตที่มีความสงบ และ น่าร่มรื่นเป็นอย่างยิ่ง

               พลันบ้านเมืองที่ดำเนินไปอย่างเรียบง่าย และ อ้อยอิ่งเกียจคร้านก็ถูกครอบงำด้วยความสยดสยอง สะพรึงกลัว

เงาทะมึนของความกลัวเริ่มแผ่นซ่าไปทั่วเมืองตั้งแต่ช่วงปลายปี ค.ศ. 1919 จนถึงปลายปีค.ศ. 1920


(พระราชวัง มอนทาสซา พระราชวังฤดูร้อน ที่เมืองอเล็กซานเดรีย สร้างโดยกษัตริย์ ฟูอัด ที่ 1 เมื่อ 90 ปีที่แล้ว)

               ตำรวจในเขต เอล ลับบาน(EL LABBAN) ที่เป็นพื้นที่ชนบท นอกเมืองอเล็กซานเดรียไปทางทิศตะวันตกได้รับแจ้งว่ามีคนหาย  ตำรวจพยายามติดตามหาผู้สูญหาย  แต่ก็ไม่มีร่องรอยใดๆ

               หลังจากนั้นก็มีการแจ้งความคนหายเข้ามาอีก   และ เข้ามาอีก  ที่น่าสนใจก็คือ  ทุกคนเป็นผู้หญิง  เมื่อตำรวจสอบสวนเพิ่มเติมก็พบว่า   ผู้หญิงแต่ละคนที่หายไปนั้นล้วนสวมเครื่องประดับมีค่า  เช่น ทองคำ หรือ เครื่องเพชร  และ มักจะมีเงินสดจำนวนมากอยู่ในกระเป๋าทั้งนั้น

               แต่ไร้ร่องรอย

               ตำรวจยังไม่ลดละ  เดินหน้าออกสอบถามจากชาวบ้านตามสถานที่ที่ญาติผู้สูญหายบอกว่า  ผู้สูญหายไปที่ไหนก่อนหน้าที่จะหายไป

               ส่วนใหญ่จะไปที่ตลาดเพื่อซื้อหาข้าวของเครื่องใช้ และ จ่ายตลาด    แต่คราวนี้เบาะแสที่ตำรวจได้เพิ่มเติมก็คือ  มีข้อมูลจากแม่ค้าพ่อค้าที่ขายของที่ตลาดได้ให้ปากคำแก่ตำรวจว่า   เห็นผู้สูญหายได้พบปะพูดคุยกับผู้หญิงสองคนที่เป็นพี่น้องกัน   หรือ  บางครั้งก็แค่คนใดคนหนึ่งเพียงคนเดียว 


(ซากินา(ซ้าย) และ รายา (ขวา))

               พี่น้องสองสาวมีชื่อว่า  รายา(RAYA) ผู้พี่ และ ซากินา(SAKINA) ผู้น้อง

               ตำรวจจึงเรียกตัวทั้งสองพี่น้องไปสอบถามที่โรงพักหลายครั้ง   แต่ดูเหมือนว่า  ทั้งสองคนให้การอย่างไร้พิรุธ และ สอดคล้องต้องกัน  จนตำรวจต้องปล่อยตัวเธอไป

               ต้องไม่ลืมว่า  เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 100 ปีที่แล้ว  ในยุคที่ยังไม่มีกล้องวงจรปิด  การติดต่อสื่อสารยังไม่มีความคล่องตัวเหมือนในปัจจุบัน  และ  การสืบค้นประวัติของอาชญากร หรือ ผู้เคยกระทำความผิดยังเป็นเรื่องยาก 

               ตำรวจทำงานเหมือนปิดตางมเข็มในมหาสมุทร หรือเดินเข้าไปในอุโมงค์ที่มองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายทางเลยแม้แต่น้อย   โอกาสที่จะได้พบตัวผู้สูญหาย  หรือ  ได้พบร่องรอยของผู้สูญหาย ดูเหมือนจะค่อยๆเลือนหายไปในอากาศตลอดกาล

               เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป  ติดตามในตอนหน้าครับ

Posted in ซอกซอนตะลอนไป โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ and tagged , , , .