ฆาตรกรรมต่อเนื่อง รายา และ ซากินา ของอียิปต์ (ตอน3-จบ)

ซอกซอนตะลอนไป                           (18 กันยายน 2565)

ฆาตรกรรมต่อเนื่อง รายา และ ซากินา ของอียิปต์ (ตอน3-จบ)

โดย   เสรษฐวิทย์  ชีรวินิจ

               รายงานของตำรวจของเมืองอเล็กซานเดรียในยุคนั้นบอกว่า  รายา และ ซากินา และพวกได้ร่วมกันก่ออาชญากรรมสังหารเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายไปทั้งสิ้น 17 ราย

               รายา เกิดในปีค.ศ. 1875  ส่วน ซากินา มีอายุน้อยกว่าราว 10 ปี  บิดาของทั้งสองหายสาปสูญไปตั้งแต่เธอยังเด็ก  ทั้งสองจึงถูกเลี้ยงดูโดยมารดาที่มีปัญหาทางจิตที่เข้ากับใครไม่ค่อยได้  และ มีพี่ชายที่มีปัญหาแทบจะไม่มีงานทำ

               พี่น้องสองสาวไม่มีงานทำเป็นหลัก  บางครั้งก็ทำงานในร้านกาแฟ หรือ ขายผักผลไม้  บางครั้งก็ร่วมกับมารดาในการปล้นชาวบ้าน  ซากินา บางครั้งก็ขายตัวเพื่อแลกกับอาหาร ทำให้ครอบครัวของทั้งสองต้องย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆ


(สภาพของเมืองอเล็กซานเดรีย  น่าจะถ่ายในช่วงใกล้เคียงกับเหตุการณ์ รายา และ ซากินา)

               ซากินา แต่งงาน  และ หย่า  หลังจากนั้น  เธอก็หนีตามผู้ชายไปอยู่ในเมือง ทานตา(TANTA) ใกล้ไคโร  แต่ก็แยกทางกันอีก  หลังจากนั้นเธอก็กลายเป็นหญิงโสเภณี  และ ย้ายตามคนรักใหม่กลับมาอยู่ที่เมือง อเล็กซานเดรีย ในปีค.ศ. 1913

               เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ รายา ได้ย้ายกลับมาที่อเล็กซานเดรียพร้อมกับ ฮาซาบัลลาห์(HASSABALLAH) สามีของเธอ และ บาเดีย ลูกติดจากสามีเก่าของเธอ

               โชคไม่ดี   สงครามโลกครั้งที่ 1 ระเบิดขึ้นในปี ค.ศ. 1914  ทำให้ทั้งสองพี่น้องต้องตกงาน ทั้งหมดจึงตัดสินใจเปิดบ้านของตัวเองเป็นร้านขายเหล้า และ สูบบุหรี่  และ  เป็นซ่องโสเภณีกลายๆ


(ผู้หญิงชาวอียิปต์ที่ออกมาร่วมเรียกร้องอิสรภาพจากอังกฤษ-ภาพจากกูเกิ้ล)

               ชาวอียิปต์เคลื่อนไหวเรียกร้องอิสรภาพจากอังกฤษ  เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ทำให้อังกฤษประกาศเคอร์ฟิวในเดือนมีนาคม ปีค.ศ. 1919  อาหารเป็นสิ่งที่ขาดแคลน  ทำให้ครอบครัวของทั้งสองต้องออกขโมยอาหาร เป็นเหตุให้ รายา และ สามี ต้องติดคุกไปหลายเดือน

               ในยุคนั้น  ผู้หญิงอียิปต์ส่วนใหญ่ไม่นิยมเอาเงินไปฝากธนาคาร  แต่จะเอาเงินไปลงทุนซื้อทองคำ หรือ อัญมณี สวมใส่ไปไหนมาไหน  และมักจะพกเงินสดติดตัวทีละมากๆ

               ทั้งสองพี่น้องจึงเล็งหาผู้หญิงฐานะดีที่มาจ่ายตลาดในเขต ลับบาน ใกล้บ้านของเธอ  โดยเข้าไปทำทีตีสนิท  แล้วชวนให้มาดื่มน้ำชาที่บ้าน


(สภาพความเรียบง่ายและสงบ ของชายหากเมืองอเล็กซานเดรีย-ภาพจากกูเกิ้ล)

               ในยุคนั้น  ผู้คนทั่วไปคงจะซื่อๆ  เรียบง่าย และ ตรงไปตรงมา   จึงมักไม่ค่อยมีความเคลือบแคลงสงสัยต่อการที่คนแปลกหน้าชวนไปดื่มและทานไวน์ที่บ้าน

               สองพี่น้องพยายามมอมไวน์ให้เหยื่อจนเหยื่อไม่ได้สติ  จากนั้นก็เอาผ้าขนหนูชุบน้ำโป๊ะที่หน้าเพื่อให้เหยื่อขาดอากาศหายใจ  สามีของทั้งสองคือ ฮาซาบัลลาห์(HASABALLAH) และ อับเดล อาล(ABDEL AAL) ก็ช่วยกันรัดคอจนเหยื่อขาดใจตาย  จากนั้นก็ช่วยกันปลดเอาทรัพย์สินเงินทองของเหยื่อไปจนหมด  เอาศพฝังใต้พื้นบ้านแล้วเทปูนทับลงไปอีกครั้ง

               จากศพที่หนึ่ง  ก็มีศพที่สองตามมา  จนกระทั่งกลายเป็นศพที่ 17 ที่ตำรวจตามหาจนเจอ   ซึ่งไม่รู้ว่าจะยังมีรายอื่นอีกหรือไม่  ที่ยังสืบหาไม่เจอ


(สี่ผู้ร่วมก่ออาชญากรรมในอียิปต์)

               ถือเป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่สั่นสะเทือนสังคมที่สงบของอียิปต์ให้ตื่นตระหนก และ ระมัดระวังตัวกันอีกครั้ง   แม้ว่า  ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันนั้น   จะมีฆาตรกรรมต่อเนื่องเกิดขึ้นหลายแห่งทั่วโลก   แต่ก็ไม่มีคดีไหนจะโหดร้าย และ รุนแรงได้มากเท่าคดีของ รายา และ ซากินา

               อย่างเช่นกรณีฆาตรกรรมต่อเนื่องของ แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์(JACK THE RIPPER) ในอังกฤษ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงปีค.ศ.1888 จนถึงปีค.ศ. 1891 ก็สังหารเหยื่อไปประมาณ 5 รายเท่านั้น (เท่าที่ค้นเจอ)

               ที่น่าสนใจก็คือ  คดี รายา ซากินา กลายเป็นเรื่องราวที่พูดกันปากต่อปาก  แพร่หลายไปอย่างรวดเร็วจนทั่วอียิปต์  ถึงขนาดว่าหากเด็กๆคนใดดื้อรั้น  ไม่ยอมฟังคำสอนของแม่  แม่ก็มักจะบอกว่า  เดี๋ยวจะให้ รายา กับ ซากินา มาจัดการ


(เมื่อเรื่องราวของสองพี่น้องฆาตรกรโหดกลายเป็นภาพยนต์ในอียิปต์)

นอกเหนือจากที่มีการนำเอาเรื่องราวของพี่น้องสองสาวไปสร้างเป็นละครเวที  ภาพยนต์ กันหลายครั้งแล้ว  ทุกวันนี้   ยังมีการเอาชื่อของเธอไปตั้งเป็นชื่อร้านขายของชำในเมืองอเล็กซานเดรียอีกด้วย 

นึกไม่ออกเหมือนกันว่า  เจ้าของร้านเขาเอาอารมณ์ไหนมาตั้งชื่อร้านแบบนี้

สวัสดีครับ  

Posted in ซอกซอนตะลอนไป โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ and tagged , , , .