ดูนสไตน์ – หมู่บ้านพระเจ้าริชาร์ด ใจสิงห์

ซอกซอนตะลอนไป   (6 กันยายน 2556)

ดูนสไตน์ – หมู่บ้านพระเจ้าริชาร์ด ใจสิงห์

โดย   เสรษฐวิทย์  ชีรวินิจ 

               เดือนสิงหาคม เป็นเดือนที่ร้อนที่สุดของยุโรป   แต่ก็เป็นช่วงที่น่าจะสะดวกที่สุดสำหรับคนไทยที่จะไปเที่ยว   เพราะไม่เป็นภาระในการพกพาเสื้อกันหนาวไปมากมาย

               สิงหาคมนี้  ผมมีโอกาสพานักท่องเที่ยว ไปเที่ยวตามโปรแกรมที่ทัวร์ทั่วๆไปไม่ค่อยพาไป  คือ ท่องเที่ยวไปตามหมู่บ้านเล็กตามเทือกเขาของประเทศออสเตรีย และ สวิตเซอร์แลนด์  ก็ขอนำท่านผู้อ่านไปเที่ยวด้วยกันเลยครับ


(ปราสาทดูนสไตน์ ตั้งอยู่บนยอดเขา ถัดลงมาข้างล่างคือ หมู่บ้านดูนสไตน์)

               จุดแรกที่เราไปชม หลังจากเครื่องบินไปถึงออสเตรีย ก็คือ  หมู่บ้านดูนสไตน์ (DURNSTEIN) หมู่บ้านเล็กๆริมแม่น้ำดานูบ  ห่างจากเวียนนาประมาณ 100 กิโลเมตร

               ดูนสไตน์  เป็นเมืองโบราณเล็กๆที่สวยและมีเสน่ห์ ตรงที่ยังมีแนวกำแพงเมืองโบราณหลงเหลือให้เห็นอย่างชัดเจน    ในเมืองจะมีถนนสายหลักเพียงสายเดียวยาวประมาณ 200 เมตรเป็นแนวคู่ขนานกับแม่น้ำดานูบ   


(ถนนสายเดียวของหมู่บ้านดูนสไตน์)

               ดูนสไตน์ อยู่ในเขตที่เรียกว่า วัคเคา(WACHAU) ซึ่งเป็นเขตที่เพาะปลูกสำคัญเขตหนึ่งของออสเตรีย  ผลผลิตที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือ องุ่น ซึ่งใช้สำหรับทำไวน์    จึงไม่แปลกใจที่เราจะเห็นไร่องุ่นเรียงรายตามไหล่เขาริมแม่น้ำไปตลอดแนวหลายสิบกิโลเมตร

               นอกจากนี้ก็ยังมีผลไม้อื่นๆอีกมากมาย  อาทิ  แอปปริคอต    แอปเปิ้ล  และ พีช    


(ชาวบ้านนำ น้ำแอปปริคอต แยมแอปปริคอต และ เหล้าชนัป ทำจากผลแอปปริคอต สินค้าโฮมเมดมาขาย)

               เดือนกันยายน จะเป็นช่วงเก็บเกี่ยวองุ่นกัน  หากท่านผู้อ่านไปเที่ยวออสเตรียในช่วงนี้  จะเห็นร้านอาหารเสนอขายเครื่องดื่มที่เรียกว่า สตวม(STURM)  ซึ่งก็คือ  น้ำองุ่นคั้นสดๆนั่นเอง   


(ร้านข้ายของที่ระลึกจาก “วัคเคา”  ล้วนน่ากินทั้งนั้น  โดยเฉพาะป้ายโฆษณาช๊อคโกแล๊ตหน้าคน)

               ทุกๆฤดูร้อน    ร้านอาหาร และ บาร์ ทั่วไปจะเสนอขายเครื่องดื่มชนิดหนึ่ง   เรียกว่า สปริทเซอร์ (SPRITZER)  เป็นเครื่องดื่มที่ช่วยทำให้สดชื่น   เพราะเป็นส่วนผสมระหว่าง  ไวน์ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะใช้ไวน์ขาว  กับ น้ำโซดา หรือ น้ำที่อัดแก๊สในอัตราส่วนครึ่งต่อครึ่ง

               อากาศร้อนๆ  ได้ดื่มสปริทเซอร์สักแก้ว  จะช่วยให้สดชื่นขึ้นมาทีเดียวครับ


(ป้าเจ้าของร้านบอกว่า  แยมของร้านเป็นสูตรของป้าเธอเอง  เลยอุดหนุนซะหน่อย)

               ย้อนกลับมาพูดถึงหมู่บ้านดูนสไตน์  ซึ่งมีประชากรในหมู่บ้านเพียงแค่หลักร้อยเท่านั้น   ส่วนใหญ่ทำมาหากินกับนักท่องเที่ยวเป็นหลัก   ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม  ร้านอาหาร  หรือ ร้านขายของที่ระลึก


(ป้ายบอกทางไปโรงแรม ริชาร์ด ใจสิงห์)

               เพราะนักท่องเที่ยวนิยมไปชื่นชมกับความงามของหมู่บ้าน  และ ไปสัมผัสกับประวัติศาสตร์เมื่อเกือบ 1,000 ปีที่แล้ว  ในสมัยสงครามครูเสด

               ประวัติศาสตร์ยุโรปบันทึกว่า  ในสงครามครูเสด ครั้งที่ 3 ในปีค.ศ. 1192   กษัตริย์ริชาร์ด ใจสิงห์(RICHARD I ,THE LION-HEARTED) ได้ร่วมเดินทางไปทำสงครามครั้งนี้กับ จักรพรรดิฟรีดดริค ที่ 1  บาร์บารอสซ่า(EMPEROR FRIEDRICH I , BARBAROSSA) แห่งอาณาจักรโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ที่กรุงเยรูซาเล็ม หรือ ประเทศอิสราเอล ในปัจจุบัน

               ผู้ร่วมเดินทางไปในครั้งนั้นด้วยก็คือ  ดยุค ลีโอโพลด์ ที่ 5 แห่งราชวงศ์บาเบนเบิร์ก (DUKE LEOPOLD V OF BABENBURG)  ซึ่งก็คือ ผู้ปกครองดินแดนที่ปัจจุบันนี้ก็คือ ออสเตรีย นั่นเอง

               แต่จักรพรรดิ ฟรีดดริค ที่ 1 สิ้นพระชนม์เสียก่อน   เกิดปัญหาไม่มีใครคุมใครได้   วงเลยแตก

               ริชาร์ด ใจสิงห์ ทะเลาะกับ ดยุค ลีโอโพลด์ ที่ 5 ถึงขั้นแสดงพฤติกรรมดูหมิ่นเหยียดหยามกัน   ในที่สุด ริชาร์ด ใจสิงห์ก็เดินทางกลับอังกฤษ


(โรงแรมที่ดัดแปลงมาจากศาลาว่าการเก่าแก่ของเมือง)

               ระหว่างเดินทางกลับ  ริชาร์ด ถูกจับตัว และนำไปคุมขังที่ปราสาทดูนสไตน์  ซึ่งเป็นของผู้ปกครองตระกูลคูเอ็นริง(KUENRING)  ที่สวามิภักดิ์ต่อราชวงศ์บาเบนเบิร์ก

               หลังจากนั้น  ประวัติศาสตร์ก็ว่ากันไปคนละทาง   

บ้างก็ว่า  คนใช้ใกล้ชิดของ ริชาร์ด  ติดตามมาช่วยริชาร์ด ให้หนีออกไปได้ด้วยการใช้เครื่องดนตรีชนิดหนึ่งเล่นเพลงที่ทั้งสองคนรู้จักกันดีเป็นการส่งสัญญาณ

               อีกกระแสหนึ่งบอกว่า    ริชาร์ด ต้องจ่ายเงินไปประมาณ 150,000 มาร์ก ซึ่งถือว่าเป็นเงินจำนวนมากโขอยู่ ให้แก่จักรพรรดิเฮนรี่ ที่ 6 ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเจรจา   เพื่อแลกกับอิสรภาพของตัวเองหลังจากที่ถูกคุมขังอยู่นานกว่า 4 เดือน

               เป็นเรื่องยากที่ยืนยันว่า   ประวัติศาสตร์ที่แท้จริงเป็นอย่างไร 

               แต่วันนี้   ไม่มีใครสนใจหรอกว่า  ริชาร์ด  ใจสิงห์ หนีออกไปเอง หรือ ต้องจ่ายค่าไถ่   เพราะชาวหมู่บ้านดูนสไตน์ต่างก็มีความสุขกับการต้อนรับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ที่มาเยี่ยมชมความน่ารักของเมืองนี้  จนเกิดธุรกิจต่อเนื่องมากมาย


(หมู่บ้านดูนสไตน์ มองจากเรือ  จะเห็นโรงแรมห้าดาว ชลอส ด้านซ้ายมือสุด)   

               เช่น โรงแรม ริชาร์ด ใจสิงห์  หรือ  ศาลาว่าการเมืองเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1563  ก็ถูกดัดแปลงมาเป็นโรงแรมเรียบร้อย

               ผ่านไปออสเตรียคราวหน้าก็ลองแวะไปเที่ยวดูนะครับ

Posted in ซอกซอนตะลอนไป โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ and tagged , , , , , .

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *