ซอกซอนตะลอนไป (16 ตุลาคม 2558 )
อียิปต์ ดินแดนแห่งความท้าทายภูมิปัญญา(ตอน 2)
โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
อู่อารยธรรมของโลกที่เก่าแก่มากๆก็ประกอบด้วย อู่อายธรรมเมโสโปเตเมีย ประเทศอิรัก , อู่อารยธรรมลุ่มแม่น้ำไนล์ อียิปต์ , อู่อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ อินเดีย และ อู่อารยธรรมลุ่มแม่น้ำเหลือง ของจีน
แต่ที่ยังเหลือหลักฐาน สิ่งก่อสร้างให้ป็นประจักษ์ด้วยสายตาอย่างชัดเจนก็ดูเหมือนจะเหลือแต่ อู่อารยธรรมลุ่มแม่น้ำไนล์ ทั้งนี้เป็นเพราะเป็นสิ่งก่อสร้างที่ทำด้วยหินล้วนๆ และ ในอียิปต์มีฝนตกน้อยมาก การทำลายของสิ่งก่อสร้างจึงเกิดขึ้นน้อยมากเมื่อเทียบกับ อินเดีย และ จีน
สาเหตุที่ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นอู่อารยธรรมของโลกก็เพราะ อียิปต์ให้กำเนิดอารยธรรมหลากหลาย เช่น สถาปัตยกรรม , ตัวหนังสือ ความเชื่อ และ ศาสนา
ถ้าจะพูดกันอย่างไม่เกรงใจ ก็สามารถบอกได้ว่า ศาสนาของชาวอียิปต์โบราณ เป็นต้นธารของศาสนาใหญ่ๆของโลกมากมายในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น ศาสนายูดาย ศาสนาโรมัน ศาสนากรีก ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม
เรื่อยมาตั้งแต่การพูดถึงกำเนิดของโลกของศาสนาอียิปต์โบราณนั้น มีความเหมือนกับที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลฉบับพันธะสัญญาเก่า หรือ ไบเบิ้ลของชาวยิว ในบทปฐมกาลที่ว่า
“ในปฐมกาลพระเจ้าทรงเนรมิตสร้าง ฟ้าและแผ่นดิน แผ่นดินก็ว่างเปล่า ความมืดอยู่เหนือน้ำ และพระวิญญาณของพระเจ้าปกอยู่เหนือน้ำนั้น พระเจ้าตรัสว่า “จะเกิดความสว่าง ความสว่างก็เกิดขึ้น พระเจ้าทรงเห็นว่า ความสว่างนั้นดี และทรงแยกความสว่างออกจากความมืด ”
ในขณะที่บันทึกของพระสังฆราช(HIGH PRIEST) ของอียิปต์โบราณเขียนไว้ว่า
ในปฐมกาลไม่มีอะไรเลยยกเว้น “น้ำ” ซึ่งมีชื่อเรียกว่า “นัน”(NUN) จากนั้นก็มาถึงกำเนิดของเทพ “รา” (RA)ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งพระอาทิตย์
จากนั้น เทพราก็ให้กำเนิดเทพเจ้าอีก 2 องค์ คือ เทพแห่งอากาศ นามว่า ชู(SHU) และเทพแห่งความชุ่มชื้น เมฆ และ น้ำค้าง นามว่า เทฟนุต(TEFNUT)
ในคัมภีร์ไบเบิ้ลของชาวยิว ยังเขียนต่อว่า
“พระเจ้าตรัสว่า “จงมีดวงสว่างบนฟ้า เพื่อแยกวันออกจากคืน ให้ดวงสว่างเป็นหมายกำหนดฤดู วัน ปี” ซึ่งก็มีกล่าวถึงในบันทึกทางศาสนาอียิปต์โบราณในลักษณะที่คล้ายๆกันด้วย
ในส่วนของการสร้างมนุษย์นั้น ในบันทึกของสังฆราชของอียิปต์โบราณเขียนไว้ว่า
“เทพเจ้าผู้รับหน้าที่ในการสร้างมนุษย์ขึ้นมาก็คือ เทพคนุม(KHNUM) เทพหัวแพะ ซึ่งสร้างมนุษย์ด้วยการปั้นขึ้นมาบนแท่นปั้นหม้อ”
ในขณะที่แนวความคิดในการสร้างมนุษย์ในคัมภีร์ไบเบิลบอกว่า
“พระเจ้าทรงปั้นมนุษย์ด้วยผงคลีดิน ระบายลมปราณเข้าทางจมูก มนุษย์จึงเป็นผู้มีชีวิต”
ด้วยเหตุนี้ เมื่อมีการเทศนาก่อนที่จะฝังศพของคนตายลงในหลุมฝังศพ พระในทางศาสนาคริสต์จึงมักจะพูดว่า
“จากทุลีดิน กลับไปสู่ทุลีดิน”
มนุษย์คนแรกที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาก็คือ ผู้ชาย พระคัมภีร์ไบเบิ้ล ยังเขียนต่อในเรื่องราวของการสร้างมนุษย์ผู้หญิงขึ้นมา เพื่อให้เป็นเพื่อนของชายคนแรก ว่า
“แล้วพระเจ้าจึงทรงกระทำให้ชายนั้นหลับสนิท ขณะที่เขาหลับสนิทอยู่ พระองค์ทรงชักกระดูกซี่โครงอันหนึ่งของเขาออกมา แล้วทำให้เนื้อติดกันเข้าแทนกระดูกอย่างเดิม ส่วนกระดูกซี่โครงที่พระเจ้าได้ทรงชักออกจากชายนั้น พระองค์ทรงสร้างให้เป็นหญิง แล้วทรงนำมาให้ชายนั้น ชายจึงว่า นี่แหละกระดูกจากกระดูกของเรา เนื้อจากเนื้อของเรา”
เมื่อมีการเทศนาในพิธีแต่งงาน พระจึงมักจะเทศนาว่า เจ้าบ่าวเจ้าสาวต่างก็เป็นคนละครึ่งของกันและกัน
และภาษาอังกฤษก็มักจะบอกว่า ผู้หญิงเป็นครึ่งที่ดีกว่า ของผู้ชาย (THE BETTER HALF)
นี่คือวัฒนธรรมของ ศาสนาอียิปต์โบราณที่ถูกถ่ายทอดลงมาสู่โลกยุคปัจจุบัน
สำหรับท่านที่ต้องการเดินทางไปท่องเที่ยวอียิปต์กับผม ระหว่างวันที่ 3 – 13 ธันวาคม 2558 สามารถสำรองที่นั่งได้ที่โทร 02 651 6900
ผู้ร่วมเดินทางกับผมเที่ยวนี้ จะได้รับแจกหนังสือ “ท่องโลกศิลปวัฒนธรรม กับ เสรษฐวิทย์” เล่ม 2 “อียิปต์-กรีซ-ตุรกี”ครับ
พบกันสัปดาห์หน้า สวัสดีครับ