“ชีวิตเหมือนฝัน คุณหญิงมณี”จากเด็กไร้บ้าน มาเป็นสะใภ้หลวง(ตอน 26)

ซอกซอนตะลอนไป                           (3 มิถุนายน 2559 )

“ชีวิตเหมือนฝัน คุณหญิงมณี”จากเด็กไร้บ้าน มาเป็นสะใภ้หลวง(ตอน 26)

โดย   เสรษฐวิทย์  ชีรวินิจ

               ที่สุดแล้ว  หม่อมมณี และ  พระองค์อาภัส ก็เซ็นสัญญาหย่าร้างกันอย่างเป็นทางการที่วังของ ม.จ. เพลิงนภดล และต่อหน้าท่านเพลิงนภดล ซึ่งผมเข้าใจเอาเองว่า  น่าจะเป็นทนายความ   

หลังจากหย่าร้างกัน 6 เดือน  หม่อมมณีก็ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังใหม่ที่ปลูกขึ้นที่ถนนเพลินจิต ซึ่งปัจจุบันนี้ก็คือ ที่ตั้งของอาคารมณียา  และ โรงแรมเรอเนสซองส์

               แล้วก็เป็นไปตามคาด  พระองค์อาภัสเริ่มจะเบื่อแม่แก้ว พยายามจะขอกลับมาคืนดีกับหม่อมมณี  แต่หม่อมมณี ได้ตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่า  จะไม่ขอกลับไปคืนดีอีก 

               เมื่อพระองค์อาภัส แน่พระทัยแล้วว่า  หม่อมมณีจะไม่ยอมคืนดีด้วย  ท่านทรงกริ้วมาก ท่านประกาศกับทุกคนว่า ท่านไม่เคยลงทะเบียนหย่ากับหม่อมมณี  และจะไม่มีวันยอมลงทะเบียนหย่าให้เป็นอันขาด  

               เดือดร้อนถึงท่านเพลิง ซึ่งยอมรับว่า ท่านยังมิได้นำสัญญาหย่าร้างที่หม่อมมณี และ พระองค์อาภัส ได้เซ็นไว้ไปจดทะเบียนที่อำเภอ  ซึ่งตามกฎหมาย  ทะเบียนหย่าร้างจะมีผลสมบูรณ์ต่อเมื่อได้จดทะเบียนที่อำเภอแล้วเท่านั้น 

               ด้วยเหตุนี้  หากหม่อมมณี จะทำนิติกรรมใดๆกับใครก็ตาม  ก็ไม่สามารถลงนามได้  จนกว่าจะได้รับคำยินยอมจากคู่สมรส คือ พระองค์อาภัส   

               มิใยว่า ท่านเพลิงจะพยายามช่วยเจรจาอย่างไรก็ไม่เป็นผล  ซึ่งยังความกลัดกลุ้มใจแก่หม่อมมณีเป็นอย่างยิ่ง 

               แต่เมื่อหมดวาสนาต่อกัน  ก็ย่อมมีเหตุที่ทำให้ต้องแยกจากกันจนได้ 


(วังบูรพาภิรมย์  ภาพจากวิกิพีเดีย) 

               วังบูรพาภิรมย์ ซึ่งเป็นทรัพย์สินมรดกของฝ่ายพระองค์อาภัส ที่มีความพยายามจะแบ่งกันในหมู่ผู้รับมรดก  แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ ทำให้ในที่สุดก็ตัดสินใจประกาศขายด้วยการประมูลเพื่อนำเงินสดมาแบ่งกัน

               สุดท้าย  ผู้ที่ประมูลได้ไปก็คือ นายโอสถ โกศิน นักธุรกิจชื่อดังในยุคนั้นในราคา 10 ล้านบาท  ทายาทแต่ละคนจะได้รับเงินสดไปประมาณหนึ่งล้านบาทเศษๆ  ที่ดินดังกล่าว  ได้ถูกแปรสภาพของพื้นที่แถบวังบูรพาภิรมย์ให้กลายเป็นศูนย์การค้าแห่งแรกของประเทศไทยไป


(นายโอสถ โกศิน  ซึ่งต่อมาได้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ รัฐมาตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในรัฐบาลของ นายสัญญา ธรรมศักดิ์)

(โรงภาพยนตร์คิงส์  ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์การค้าแห่งแรกของกรุงเทพ ขอขอบคุณเจ้าของภาพ )

               ความสำเร็จในการแบ่งมรดกวังบูรพา  กลายเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ปัญหาการหย่าร้าง  ทำให้พระองค์อาภัส ยอมหย่าร้างจากหม่อมมณี 

               เหตุผลที่คุณหญิงมณี เขียนเอาไว้ในหนังสือเล่มนี้ก็คือ

               “เพราะถ้าหากว่าท่านหย่าร้างกับข้าพเจ้าหลังจากได้รับส่วนแบ่งมรดกวังบูรพา   ท่านจะต้องแบ่งที่ทรงได้รับให้ข้าพเจ้าครึ่งหนึ่ง  เพราะกลายเป็นสินบริคณห์ไปทันที………..พระองค์(อาภัส)ก็ได้รีบไปจดทะเบียนหย่าระหว่างข้าพเจ้ากับพระองค์อาภัสที่อำเภอให้เรียบร้อย”   

               แต่ติดปัญหาที่ตกลงกันไม่ได้ก็คือ  อรมณี ลูกสาวที่เกิดจากพระองค์อาภัส ซึ่งขณะนั้นอายุ 7 ขวบ ว่าจะอยู่กับใคร 

               พระองค์อาภัส ต้องการให้อรมณี ไปอยู่ภายใต้กับการปกครองของท่านโดยสิ้นเชิง  ซึ่งท่านเพลิงก็แสดงความเห็นว่า  พระองค์อาภัส ไม่น่าจะทำเช่นนี้เลย  เพราะท่านเป็นฝ่ายผิด  และ ลูกสาวควรจะอยู่กับแม่จะดีกว่า  

               ท่านเพลิงแนะนำหม่อมมณี ให้ยินยอมในเรื่องนี้  เพราะกฎหมายไทยเมื่อมีการหย่าร้าง  บุตรต้องอยู่ ในความปกครองของบิดาเสมอ  ทำให้ผู้ชายได้เปรียบกรณีมีการหย่าร้างกัน

               ผมไม่ทราบว่า  ปัจจุบัน  กฎหมายในเรื่องนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างใดบ้างแล้ว  

               สุดท้าย  อรมณี ธิดาของหม่อมมณี กับ พระองค์อาภัส ก็ต้องไปอยู่กับพระองค์อาภัส  

               เมื่อได้สิ่งใดมา  ก็จะต้องสูญเสียบางสิ่งไป  เป็นไปตามดวงชะตาของคุณหญิงมณี 


(ดวงชะตาของ คุณหญิงมณี)

               ย้อนกลับมาที่วังบูรพาภิรมย์อีกครั้ง  

               ที่ประตูทางเข้าของวังบูรพา  เคยมีสิงโตขนาดใหญ่ทำด้วยทองเหลือง 2 ตัวหมอบอยู่  เมื่อวังบูรพาถูกรื้อไป  สิงโตตัวนี้เข้าใจว่าคงถูกขายไป

               คุณหญิงมณีได้เขียนเอาไว้ว่า 

               “คุณป้าแจ่ม ซึ่งเป็นพี่สาวของหม่อมเล็ก และเคยมีชีวิตอยู่ในวังบูรพาเมื่อครั้งสมเด็จวังบูรพาประทับอยู่  และเคยเป็นพี่เลี้ยงของเจ้านายน้อยๆของหม่อมเล็กมาทุกพระองค์  มีความรู้สึกเสียใจมากที่ไม่มีทายาทองค์ไหนสนพระทัยสิงโตคู่นั้น  ปล่อยให้คนอื่นซื้อครอบครอง”


(สิงโต คู่ที่เคยอยู่ที่วังบูรพาภิรมย์ ภาพจากวิกิพีเดีย)  

               (หม่อมเล็กก็คือ มเหสีของ เจ้าฟ้าภาณุรังสีสว่างวงศ์ กรมพระยาพันธุวงศ์วรเดช  และเป็นพระราชมารดาของ พระองค์จิรศักดิ์ และ พระองค์อาภัส)

               ขณะนั้น  หม่อมมณี และ พระองค์อาภัส ได้หย่าขาดกันเรียบร้อยแล้ว

               เมื่อเรื่องมาถึงหม่อมมณี ผ่านทางข้าหลวงในตำหนักพระองค์เจ้านรเศรษฐ์   หม่อมมณีจึงได้ติดต่อให้ขุนเจนไปสืบหาผู้ที่ซื้อสิงโตคู่นี้  และติดต่อขอซื้อคืนโดยจ่ายเงินให้ไปถึงคู่ละหมื่นบาท 

               “ข้าพเจ้าได้นำสิงโตคู่นี้ไปมอบให้คุณป้าแจ่ม  ซึ่งทำให้ท่านดีใจมาก  และยอมยกโทษให้ข้าพเจ้าในการที่ได้เลิกร้างไปกับพระองค์อาภัส ซึ่งเป็นหลานชายองค์โต และคุณป้าแจ่มรักมากที่สุด”

               คุณหญิงมณี เขียนเอาไว้อย่างนี้

               เขียนมาถึงตรงนี้   ผมเองก็ชักอยากจะเห็นสิงโตคู่นี้ด้วยตาตัวเองแล้ว

               พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ

               (เชิญติดตามอ่านบทความ  ดูดวงออนไลน์ ที่ผมเขียนใน แนวหน้าดอทคอม นี้ด้วย ในนามปากกา “ธรรมาธิปติ”)            

Posted in ซอกซอนตะลอนไป โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ and tagged , , , , .

One Comment

  1. ชีวิตเหมือนฝัน ไม่มีต่อแล้วเหรอคะ พอดีมีหนังสือแค่เล่ม1เล่มเดียว อยากรู้เนื้อหาย่อๆจองเล่ม2ต่อค่ะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *