คอนสแตนติโนเปิล กับ สงครามครูเสดครั้งที่ 4(ตอน3)

ซอกซอนตะลอนไป                           (29 เมษายน 2561 )

คอนสแตนติโนเปิล กับ สงครามครูเสดครั้งที่ 4(ตอน3)

โดย   เสรษฐวิทย์  ชีรวินิจ

               บรรดานักรบครูเสดใช้เวลาอยู่นานนับตั้งแต่เดินทางมาถึงคอนสแตนติโนเปิลในเดือนมิถุนายน ปีค.ศ.1203 ในความพยายามที่จะบุกเข้ายึดครองเมืองหลวงของอาณาจักรโรมันไบแซนไทน์  ทั้งนี้เพราะสภาพอากาศ และ ทิศทางของลมไม่เป็นใจ

               เนื่องจากขณะนั้น  ที่มั่นของนักรบครูเสดอยู่ในเรือที่จอดอยู่ในทะเลมาร์มารา(MARMARA SEA) ด้านหน้าของ คอนสแตนติโนเปิล   


(นครคอนสแตนติโนเปิล  อยู่ติดกับทะเลมาร์มาร่า ที่อยู่ด้านใต้)

               จนกระทั่งเดือนเมษายน ปีถัดมา   ทิศทางของลมเป็นใจ  พัดให้เรือลอยเข้าหาฝั่ง  นักรบครูเสดจึงสามารถขึ้นฝั่ง และ บุกโจมตีเข้าไปในนครคอนสแตนติโนเปิลได้

               มหกรรมการทำลายล้างของชาวคริสต์ ต่อชาวคริสต์ด้วยกันเอง จึงเกิดขึ้น

               สิ่งที่นักรบครูเสดกระทำต่อนครคอนสแตนติโนเปิล นั้น   ไม่ต่างอะไรจากสงครามเต็มรูปแบบที่นักรบฝ่ายชนะสามารถทำร้ายผู้คนฝ่ายพ่ายแพ้ได้  และสามารถปล้นทุกสิ่งทุกอย่างตามใจชอบเพราะเป็นช่วงที่บ้านเมืองไร้ขื่อไร้แป


(เสางู ที่เหลือเพียงฐานเสา  แต่อ่างไฟที่อยู่ตรงปลายยอดหายไปแล้ว)

               ในสนามแข่งรถม้าฮิปโปโดรม  ที่มีโบราณวัตถุมีค่ามากมายประดับอยู่  ถูกพวกนักรบครูเสดเหล่านี้ปล้นและขนย้ายไป  อาทิเช่น  เสางู 3 หัว ที่มีลักษณะเป็นงู 3 ตัวพันกันเป็นเสา  หัวงูทั้งสามตั้งรับอ่างขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านบนสำหรับจุดคบเพลิง

               เสางูดังกล่าวนี้  เดิมทีตั้งอยู่ด้านหน้าของวิหารอะพอลโล  ที่เมืองโบราณเดลฟี่ในประเทศกรีซ  เป็นวิหารที่เคยมีชื่อเสียงอย่างมากในฐานะเมืองแห่งเทพพยากรณ์ของยุคกรีกโบราณ  

               อ่างขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนยอดดังกล่าว   ถูกนักรบครูเสดทุบแล้วขนย้ายหายไป  จนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน 


(โบสถ์เซนต์ มาร์ค ที่เกาะเวนิซ จะเห็นรูปหล่อม้าบรอนซ์ตั้งอยู่บนโบสถ์)

               ในสนามฮิปโปโดรมดังกล่าว   ยังมีรูปหล่อโลหะที่ทำด้วยบร็อนซ์ เป็นรถแข่งเทียมม้า 4 ตัววางอยู่   รูปหล่อดังกล่าวซึ่งไม่แน่ใจว่าจะมีโลหะมีค่าเช่น  ทองคำ หรือ เงิน ห่อหุ้มอยู่ด้วยหรือไม่  (เพราะปัจจุบันไม่พบโลหะมีค่าเหล่านี้อยู่เลย) ถูกนำกลับไปที่เกาะเวนิซ  และตั้งอยู่บนโบสถ์เซนต์ มาร์ค อยู่นานหลายปีดีดัก  

               ปัจจุบัน  เมืองเวนิซได้จัดสร้างรูปหล่อขนาดเดียวกันมาตั้งไว้แทนที่อันเก่า ซึ่งถูกนำเข้าไปเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ เพื่อไม่ให้ของตัวต้นฉบับต้องเสียหายไปมากกว่านี้ 

               นอกจากนี้   เข้าใจว่าทรัพย์สินเงินทองและของมีค่าอีกจำนวนมหาศาล ก็ถูกปล้นชิงเอาไปด้วย


(วิหาร เซนต์ โซเฟีย ในอีสตันบุล หรือ คอนสแตนติโนเปิล ในอดีต)

               ที่ร้ายที่สุดก็คือ  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวิหารเซนต์ โซเฟีย  ที่สร้างในศตวรรษที่ 6 โดยจักรพรรดิจัสตีเนียน ที่ 1 (JUSTINIAN I)  และถือเป็นวิหารที่มีความสำคัญอย่างมากของเมืองคอนสแตนติโนเปิลในยุคนั้น

               บันทึกจากหลายแหล่งระบุว่า   บรรดานักรบครูเสดได้บุกเข้าไปกระทำย่ำยี  บัดสีบัดเถลิง  และหลู่เกียรติภายในวิหารเซนต์ โซเฟียอย่างที่เรียกว่า  ไม่อาจให้อภัยได้

               เพราะนอกจากบรรดาสิ่งที่ได้รับการเคารพบูชาของชาวเมือง  ไม่ว่าจะเป็นแท่นบูชา  รูปของบรรดานักบุญที่อยู่ในกรอบโลหะมีค่าจะถูกทำลายแล้ว  ยังถูกโยนทิ้งลงบนพื้น ถูกเหยียบย่ำอย่างไม่ให้ความเคารพ   

               ที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือ   มีการทำฆาตรกรรมเข่นฆ่า ชาวคริสต์ด้วยกันเองกันอย่างมโหฬารอย่างไม่เกรงกลัวต่อบาปภายในวิหารแห่งนี้ด้วย


(ภายในวิหารเซนต์ โซเฟีย ที่สวยงามด้วยการประดับประดาด้วยโมเสกไบแซนไทน์) 

               ว่ากันว่า  มีคนถูกฆ่าตายมากมายจนเลือดไหลนองเต็มพื้นไปหมด  จนมองไม่เห็นพื้นห้องทีเดียว 

               ยิ่งไปกว่านั้น  บรรดานักรบครูเสดเหล่านี้  ยังเที่ยวข่มขืนหญิงชาวเมืองที่เป็นชาวคริสต์ด้วยกัน เช่นเดียวกับตัวเอง  และยังได้พาเอาบรรดาหญิงโสเภณีเข้ามาในวิหาร  และ กระทำการเสพสังวาสกันภายในวิหารอย่างไม่เกรงกลัวต่อบาป  

               ซ้ำยังให้หญิงโสเภณีเหล่านั้นขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ของ แพทริอาร์ค(PATRIARCH) ของนิกายออร์โธดอกซ์  หรือ เทียบได้กับตำแหน่ง สันตะปาปา ของนิกายโรมันคาธอลิคด้วย

               ท้ายที่สุด  นักรบครูเสดเหล่านี้ก็มิได้เดินทางไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เพื่อแย่งชิงเมืองเยรูซาเล็มกลับคืนจากชาวมุสลิม  ตามที่สาบานตั้งแต่แรกก่อนออกเดินทาง

               แม้จะเป็นความอัปยศอดสูครั้งยิ่งใหญ่ของชาวคริสต์ละติน   แต่ดูเหมือนว่า  ชาวยุโรปที่เป็นชาวคริสต์ละตินก็มิได้แสดงความรู้สึกรังเกียจเดียดฉันท์ หรือ ตำหนิพวกนักรบเหล่านี้เลย

               สันตะปาปาอินโนเซนต์ ที่ 3  ผู้ประกาศให้ชาวยุโรปเดินทางไปทำสงครามครูเสด ครั้งที่ 4   แม้จะโกรธกริ้วอย่างมาก   จนพระองค์ได้ประกาศคว่ำบาตร ห้ามไม่ให้บรรดานักรบครูเสดเหล่านี้ ร่วมกระทำกิจกรรมทางศาสนากับโบสถ์ 

               แต่หลังจากนั้นไม่นาน   พระองค์ก็ประกาศให้อภัยแก่นักรบเหล่านี้

               แม้เหตุการณ์จะผ่านไปหลายร้อยปีแล้ว   แต่บาดแผลครั้งนี้ก็บาดลึกลงไปในจิตใจจนคนรุ่นหลังยากที่จะลืมเลือน  จนกลายเป็นความบาดหมางของศาสนาคริสต์ทั้งสองนิกายที่ยากจะประสานให้ดีดังเดิมได้  

               สำหรับท่านที่สนใจที่จะร่วมเดินทางกลับผมไปเจาะลึกตุรกีแบบดีลักซ์ ในเดือนพฤศจิกายนนี้  โปรดรอสักนิดก่อนที่จะได้วันเดินทางที่แน่นอน  หรือ จะโทร 02 651 6900 หรือ เบอร์มือถือของผม 088 578 6666 หรือ ID Line  14092498  

               สำหับท่านที่สนจะร่วมเดินทางเจาะลึกอียิปต์ 10 วัน 7 คืน พักในเรือสำราญ 5 ดาวดีลักซ์ 3 คืน  และ พักโรงแรม STEIGERBERGER CAIRO 4 คืน ในราคาสุดพิเศษ 69,900 บาท กับผมระหว่างวันที่ 7 – 16  มิถุนายน นี้ ก็สามารถติดต่อได้ตามหมายเลขข้างต้น  

               แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ

Posted in ซอกซอนตะลอนไป โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ and tagged , , , .

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *