ท่องไปในโลกฮินดู(ตอน 7)

ซอกซอนตะลอนไป                           (17 พฤษภาคม 2563)

ท่องไปในโลกฮินดู(ตอน 7)

โดย   เสรษฐวิทย์  ชีรวินิจ

               เนื่องเพราะศาสนาฮินดู ไม่มีศาสดาที่เป็นผู้บัญญัติความเชื่อทางศาสนาแต่เพียงผู้เดียว   ดังนั้น  แนวคิด  ปรัชญา  และ  วิถีปฎิบัติ ของศาสนาฮินดู  จึงได้รับการต่อเติม  ดัดแปลง  และเสริมแต่งเข้าไปเรื่อยๆตามแต่จุดประสงค์ของแต่ละยุคสมัย  ซึ่งกินเวลาต่อเนื่องกันมายาวนานนับพันๆปี

               เช่น  บางความเชื่อระบุว่า  พระพรหม เป็นผู้สร้างโลก  สร้างสรรพสิ่งต่างๆ   แต่ในขณะเดียวกัน  จากคัมภีร์ ไวยชนาวะ ปุราณะ  มีแนวคิดหนึ่งบอกว่า   พระพรหม  เกิดมาในท่าประทับนั่งอยู่บนดอกบัว  ที่งอกออกมาจากสะดือของพระวิษณุ  ตอนที่พระวิษณุบรรทมหลับ  


(พระพรหม ถือกำเนิดจากสะดือของ พระวิษณุ  ซึ่งรู้จักกันในงานศิลปที่เรียกว่า  ปางนารายณ์บรรทมสินธุ์- ภาพจากวิกิพีเดีย)

ความหมายก็คือ  พระวิษณุ เป็นผู้สร้างพระพรหม 

               อย่างไรก็ตาม ตำนานบอกว่า   แรกทีเดียว พระพรหม มีเพียงหน้าเดียว  ซึ่งแตกต่างไปจากพระพรหม ที่เรารู้จักกันในวันนี้ที่มีถึง  4 หน้า

เพราะเหตุใด 

               เรื่องที่พระพรหม มี 4 หน้านี้  เกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องที่ว่า  ทำไมพระพรหม จึงไม่ค่อยได้รับการเคารพบูชา เท่ากับพระวิษณุ  และ  พระศิวะ  ตามที่ผมได้เล่าสาเหตุที่หนึ่งในสัปดาห์ที่แล้ว


(รูปสลัก พระแม่ สรัสวาตี – ภาพจากวิกิพีเดีย)

               มเหสีของ พระพรหม ก็คือ  พระแม่สรัสวาตี  เทพีแห่ง ความรู้  ภูมิปัญญา  การเรียนรู้  ดนตรี  และ  ศิลปะ  แต่เนื่องจาก  พระแม่สรัสวาตี ไม่มีลูก  พระพรหม จึงสร้างลูกของตนเองขึ้นมาจากลมปาก  ลูกๆของพระพรหม ประกอบด้วย กุมารทั้งสี่ , นาราดา ,  ดัคชา  , มาริชี  และอีกหลายองค์


(สี่กุมาร โอรสของพระพรหม – ภาพจากวิกิพีเดีย)

แต่ที่สำคัญก็คือ สัตตะรูปา ซึ่งเป็น ธิดาที่มีรูปโฉมงดงาม

               ด้วยเหตุที่ เทพีสัตตะรูปา มีรูปโฉมงดงามอย่างยิ่ง  พระพรหม จึงหลงไหลในความงามของเธออย่างลืมหูลืมตาไม่ขึ้น  คอยเฝ้ามองแต่เธออยู่ตลอดเวลา  ไม่ให้คลาดสายตาแม้วินาทีเดียว 

               พระพรหมยังคาดหวังที่จะได้ สัตตะรูปา มาเป็นมเหสีของพระองค์อีกด้วย

               เมื่อหลงไหลคลั่งไคล้อย่างมากขนาดนี้  สายตาเพียงคู่เดียวก็ไม่เพียงพอต่อความปรารถนาแห่งหัวใจได้    พระพรหม จึงได้เนรมิตรหน้าของพระองค์ขึ้นมาอีก  เพื่อตามดูสัตตะรูปา ให้ได้ตลอดเวลา  

สองหน้า ก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่พอ  จนต้องเพิ่มหน้าอีกเป็น 3 หน้า  ก็ยังไม่พอจนต้องเนรมิตเพิ่มกลายเป็น 4 หน้า 

เพื่อว่า  ไม่ว่า สัตตะรูปา จะไปอยู่ทางทิศไหน  พระพรหมก็จะยังสามารถมองเห็นเธออยู่ดี

               แค่ 4 หน้าของพระพรหมดูเหมือนว่าจะไม่พออีกแล้ว  พระพรหม จึงสร้างหน้าที่ 5 ขึ้นไว้บนศรีษะ เพื่อตามดูนางสัตตะรูปา ตอนที่นางอยู่เหนือขึ้นไปข้างบน  


(สุดท้าย  พระพรหม ก็เหลือเพียง 4 หน้า – ภาพจากวิกิพีเดีย)

               เมื่อรู้ไปถึงพระศิวะ  พระศิวะโกรธมาก ตรงที่พระพรหม จะเอานางสัตตะรูปา ซึ่งจะว่าไปก็มีฐานะเป็นลูกสาวมาเป็นภรรยา  จึงจัดการตัดหัวที่ 5 ของพระพรหมทิ้งไป  

ทำให้พระพรหม มีใบหน้าเหลือเพียง 4 หน้า  นอกจากนี้   ยังสาปพระพรหม ไม่ให้มนุษย์มากราบไหว้บูชาอีกต่อไป

               นี่คือสาเหตุที่พระพรหม มี 4 หน้า    


(บริกู  ฤษีผู้บำเพ็ญตบะจนแก่กล้า – ภาพจากวิกิพีเดีย)

               ตำนานเรื่องที่สามบอกว่า  ครั้งหนึ่ง  มีนักบวชผู้บำเพ็ญตบะมาช้านาน จนกลายเป็นนักบวชศักดิ์สิทธิ์มีนามว่า  บริกู  คิดจะสร้างกองไฟใหญ่ เพื่อทำพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์   จึงได้ขึ้นไปบนสวรรค์เพื่อทูลเชิญเทพเจ้า และ เทพีทั้งหลาย ให้มาร่วมในงานสร้างกองไฟดังกล่าว

               บริกู ได้เดินทางไปพบพระพรหม ด้วยตัวเอง  เพื่อทูลเชิญให้มาร่วมพิธี  แต่ตอนนั้น  พระพรหมกำลังเคลิบเคลิ้บในเสียงดนตรีที่ พระแม่สรัสวาตี บรรเลงอยู่  จนไม่ได้สนใจแม้แต่จะชำเลืองตามามอง  แม้ว่า  บริกูจะพยายามเรียกพระพรหมอยู่หลายครั้งก็ตาม

               บริกู โกรธพระพรหมอย่างยิ่ง  จึงสาปแช่งไม่ให้เป็นที่เคารพบูชาของชาวโลกอีกต่อไป

               และนี่คือสาเหตุที่วิหารส่วนใหญ่ในอินเดีย  มักจะอุทิศถวายแด่ พระวิษณุ  และ  พระศิวะ เท่านั้น   น้อยมากทีเดียวที่จะอุทิศถวายแด่พระพรหม

               ทั้งหมดนี้  คือตำนาน หรือ เรื่องเล่าในศาสนาฮินดูครับ

               สนใจเดินทางเจาะลึกอินเดีย ในหลายเส้นทางกับผม  โทร 088 578 6666 หรือ Line ID 14092498

               พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ

Posted in ซอกซอนตะลอนไป โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ and tagged , , , .