ไต้หวัน ผู้ปฎิเสธรากเหง้าตัวเอง(ตอน4)

ซอกซอนตะลอนไป                           (7 เมษายน 2567)

ไต้หวัน ผู้ปฎิเสธรากเหง้าตัวเอง(ตอน4)

โดย   เสรษฐวิทย์  ชีรวินิจ

               ก่อนอื่น   ขอแสดงความเสียใจต่อชาวไต้หวัน ในอุบัติภัยแผ่นดินไหวบนเกาะไต้หวันเมื่อเช้าวันที่ 3 เมษายน 2024  และขอแสดงความไว้อาลัยต่อผู้สูญเสียสมาชิกในครอบครับ และ บรรดาญาติมิตรจากภัยวิบัติครั้งนี้ด้วย  

การต่อสู้ของมวยคนละรุ่นกันระหว่าง กองทหารของรัฐบาลญี่ปุ่น ที่เปรียบเสมือนมวยรุ่นเฮฟวี่เวท  กับ กองกำลังประชาชนที่รวมตัวกันแบบตามมีตามเกิด ที่เป็นได้เพียงแค่มวยรุ่นไลต์ ฟลายเวท  ย่อมไม่อาจประมือกันได้


(แผนที่เกาะไต้หวัน – จาก WORLDATLAS.COM)

12 วันหลังการก่อตั้งของ สาธารณรัฐฟอร์โมซา ขึ้นทางตอนเหนือของเกาะไต้หวัน  ถัง จิง สง ประธานาธิบดีของสาธารณรัฐ ก็หนีกลับไปแผ่นดินใหญ่จีนเมื่อทราบข่าวว่ากองทัพของญี่ปุ่นยกพลขึ้นฝั่งทางเหนือของเกาะเรียบร้อย

ต่อมา  หลิว ยง ฟู  ก็ขึ้นมาเป็นผู้นำแทน  ทว่าก็ถอดใจหนีกลับแผ่นดินใหญ่ไปก่อน เมื่อกองทัพญี่ปุ่นเริ่มบีบเข้ามาทุกขณะ

หลังจากนั้น  การต่อสู้เพื่ออิสรภาพจากญี่ปุ่นก็เป็นไปแบบสงครามกองโจร   เป็นการสู้รบแบบใต้ดิน และ ตามมีตามเกิด   ชาวไต้หวันต้องใช้ชีวิตไปอย่างไร้ความหวังและอนาคต

ญี่ปุ่นประกาศข้อกำหนดให้แก่ “คนจีน” ที่อาศัยอยู่ในไต้หวันได้มีทางเลือก 2 ทาง  คือ  ทางแรก   ยอมขายทรัพย์สินต่างๆของตัวเองทั้งหมด แล้วอพยพออกไปจากไต้หวันภายในเส้นตายคือเดือนพฤษภาคม ปี 1897 หรือ 2 ปีหลังจากญี่ปุ่นเข้ายึดครองไต้หวัน

หรืออีกทางเลือกหนึ่ง คือ  ชาวจีนผู้นั้นจะต้องยอมเปลี่ยนมาเป็นประชากรที่ถือสัญชาติญี่ปุ่นแทน

ทำให้ผมนึกถึงการบีบบังคับให้ประชาชนในพื้นที่เปลี่ยนความเชื่อมานับถือศาสนาตามที่ผู้ยึดครองกำหนดที่มีมานานแล้ว  อย่างน้อยที่สุดก็ตั้งแต่ยุคที่สเปนทำสงครามยึดคืนดินแดนบนคาบสมุทรไอบีเรีย (THE RECONQUISTA) หรือ ประเทศสเปนปัจจุบัน

ปี 1492 พระนางอิสซาเบล ที่ 1 แห่งคาสตีล  (ISABELLA I OF CASTILE ) ได้ใช้กฎหมายพิเศษ เป็นศาลศาสนาที่เรียกว่า INQUISITION  ให้ชาวยิวมีทางเลือกที่จะอยู่ในแผ่นดินสเปนได้ต่อไปโดยแลกกับการเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์  หรือ ไม่ก็ต้องยอมจ่ายภาษีในอัตราที่แพงกว่าชาวคริสต์ทั่วไป  หรือ ไม่ก็จะต้องถูกประหารชีวิต 


(รูปปั้นของพระนางอิซซาเบล ที่ 1 แห่ง คาสตีล ที่เมืองกรานาดาขภาพจากวิกิพีเดีย)

เช่นเดียวกันกับยุคที่มุสลิมจากอิหร่าน  และ  ตะวันออกกลาง ได้บุกเข้ามายึดครองอนุทวีปอินเดีย ตั้งแต่ประมาณกว่าหนึ่งพันปีที่แล้ว   ก็ใช้วิธีเดียวกัน  เริ่มตั้งแต่ โมฮัมหมัด อิบน์ อัล คาซิม จากซีเรียที่เริ่มจากการใช้ไม้อ่อน  ไม่บังคับให้ชาวฮินดูเปลี่ยนศาสนา  เพียงแต่ต้องยอมรับการปกครองของชาวมุสลิม และ ยอมจ่ายภาษีให้แก่พระองค์


(ภาพจินตนาการของ โมฮัมหมัด คาซิม – ภาพจากกูเกิ้ล)

มาตรการหนักขึ้นเรื่อยๆจากผู้รุกรานรุ่นต่อไป  จนถึงการบังคับให้เปลี่ยนศาสนา  จ่ายภาษีแพงขึ้น  ข่มขืนฆ่าคนที่ไม่ยอมเปลี่ยนศาสนา  เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ปวดร้าว  รุนแรง  ที่บาดลึกในประเทศอินเดียแม้จนปัจจุบันนี้

โอกาสหน้า  ผมจะนำเรื่องอินเดียมาเล่าให้ฟังครับ

ทันทีที่ญี่ปุ่นเข้ายึดครอง  ชาวไต้หวันจำนวน 2-3 แสนคนก็อพยพหนีออกจากไต้หวันไปในทันที เพราะรับไม่ได้กับการยึดครองของญี่ปุ่น

ระหว่างปี 1895 ถึง 1897  ชาวจีนที่เป็นชนชั้นสูง และ มีฐานะดีจำนวนกว่า 6,400 คน ต้องยอมขายทรัพย์สินทั้งหมดของตนเอง แล้วอพยพออกไปจากไต้หวัน

ส่วนคนที่ต้องฝืนทนอยู่ต่อไปในไต้หวัน  เพราะไม่มีเงินพอที่จะอพยพออกไปได้ ก็ต้องกลายเป็นคนญี่ปุ่นไปในที่สุด

JAPANIZATION  

พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ   

Posted in ซอกซอนตะลอนไป โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ and tagged , , , .