“ชีวิตเหมือนฝัน คุณหญิงมณี”จากเด็กไร้บ้าน มาเป็นสะใภ้หลวง(ตอน 3)

ซอกซอนตะลอนไป                           (25 กันยายน 2558 )

“ชีวิตเหมือนฝัน คุณหญิงมณี”จากเด็กไร้บ้าน มาเป็นสะใภ้หลวง(ตอน 3)

โดย   เสรษฐวิทย์  ชีรวินิจ

               คุณหญิงมณี มีความเชื่อในเรื่องโหราศาสตร์ หรือ หมอดูอยู่พอสมควร  จากหนังสือที่คุณหญิงได้เขียนไว้ก็ดูเหมือนว่า   ผู้ที่ทำนายดวงชะตาของคุณหญิง  ต่างก็ทำนายได้แม่นยำกันทุกคนด้วย  


(ดวงชะตาที่ผูกขึ้นมาตามเวลาเกิดเคร่าๆ ของคุณหญิงมณี)

               นางสาวมณี บุนนาค ตอนอายุ 18 ปี  ได้กลับสู่วิถีชีวิตของคนปกติอีกครั้ง  เมื่อได้อยู่พร้อมหน้ากับมารดาในเมืองไทย

               เป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตแบบหน้ามือเป็นหลังมือ  เพราะนางสาวมณีต้องออกมาเผชิญโลกกว้างที่เธอไม่คุ้นเคย  เนื่องจากตลอดเวลา 6 ปีเต็มที่เธอใช้ชีวิตนักเรียนประจำภายในรั้วรอบขอบชิด  เธอแทบจะไม่เคยพบเห็นชีวิตผู้คนนอกรั้วของโรงเรียนประจำเลย   

               จะว่าไป   คงไม่ต่างอะไรจากคนที่ถูกจับไปปล่อยเกาะบนดินแดนที่ตัวเองแทบจะไม่รู้จัก   แต่โชคดีที่มีมารดาอยู่เคียงข้าง

               มิสซิส ดอริส  มารดาของนางสาวมณี กลับเมืองไทยด้วยโครงการใหญ่ เธอบอกว่า  เธอได้เป็นตัวแทนในการขอสัมปทานเหมืองแร่ที่ภูเก็ตให้ชาวอังกฤษคนหนึ่ง  ด้วยเหตุนี้  จึงมีเงินก้อนโตติดตัวเข้ามาด้วย  ทำให้พอที่จะเช่าตึกใหญ่ริมถนนสีลมไว้สำหรับเป็นที่ทำงานและที่อยู่อาศัยได้  


(ติดต่อซื้อหนังสือได้ที่ 099 425 9112  คุณเพชรชมพู)

               มิสซิส ดอริสเป็นคนมือเติบ  หน้าใหญ่ใจโต  จึงลงทุนเช่าเฟอร์นิเจอร์  และ เครื่องครัวชั้นดีเอามาไว้ในบ้าน  ด้วยมองอนาคตทางการงานแต่ด้านดีเพียงด้านเดียว  ซึ่งเป็นเรื่องที่บิดาของนางสาวมณีเคยเป็นห่วงมิสมิศดอริส ในเรื่องการทำธุรกิจการค้ามาตลอดว่า  จะล้มเหลวเพราะไม่ทันคน

               ซ้ำมิสซิส ดอริส ยังได้ซื้อรถยนต์มอร์ริสมือสองมาใช้งาน และจ้างคนขับรถอีกหนึ่งคน   เธอบอกว่า  เราต้องมีบ้านใหญ่และของดีๆไว้ใช้  เพื่อคนที่มาติดต่อจะได้เห็นว่าเรามีความมั่นคงน่าเชื่อถือ   มิใยว่านางสาวมณีจะทักท้วงอย่างไรก็ตาม

               เมื่ออ่านถึงตอนนี้   ก็ทำให้เราได้ทราบว่า  ประมาณปีพ.ศ. 2474-2475   มีธุรกิจให้เช่าเฟอร์นิเจอร์ และ เครื่องครัวแล้ว  นับว่าทันสมัยมากทีเดียว   

               ชีวิตในช่วงแรก 1 ปีของนางสาวมณีในการเป็นนิสิตจุฬาฯ  ดูเหมือนจะหรูหราอย่างไม่น่าเชื่อ   ทุกวัน  มารดาของเธอจะนั่งรถที่มีคนขับรถไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัย   ซึ่งในสมัยนั้น นิสิตที่มีผู้ปกครองขับรถยนต์มาส่งที่มหาวิทยาลัยมีจำนวนแทบจะนับคนได้ 

               เมื่อมีบ้านหรูหรา  ก็จึงมักจะมีแขกแวะเวียนมาเยี่ยมที่บ้านมากหน้าหลายตา  ส่วนใหญ่มักจะเป็นบุคคลในวงสังคมชั้นสูง   นักเรียนนอก  และ บุคคลจากตระกูลดังของเมืองไทยในยุคนั้น 

               ในจำนวนนี้ อาทิ  นายจิตต์ ข้าราชการกระทรวงยุติธรรม ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ   คุณวิเชียร ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงประดิษฐ์มนูญธรรม หรือ นายปรีดี พนมยงค์  และ นายกิมซ้วน ซึ่งมีความรู้ทางด้านโหราศาสตร์

               บางคนมีท่าทีจะเข้ามาจีบนางสาวมณีด้วยซ้ำ  แต่เธอไม่เล่นด้วย    

               นายกิมซ้วน พยากรณ์ว่า  ทุกครั้งที่นางสาวมณีได้รับลาภ ยศ หรือ สรรเสริญ  จะต้องสูญเสียอะไรบางอย่าง   ชีวิตของนางสาวมณีจะไม่ราบเรียบตลอดไป   แต่จะไม่ตกต่ำ  และจะสบายไปตลอดชีวิต


(นางสาวมณี บุนนาค)

               นอกจากนี้  มิสซิส ดอริส ยังพานางสาวมณีไปพบกับแหม่มชาวอังกฤษคนหนึ่ง ซึ่งแต่งงานกับพระยาอภัยภูเบศร์นางมีความรู้ในการถอดไพ่ดูดวงชะตา  ซึ่งผมคิดว่า   คงไม่ใช่ไพ่ยิปซี

               แหม่มบอกว่า  นางสาวมณีจะต้องเดินทางไกลในไม่ช้านี้  และชีวิตจะต้องเปลี่ยนแปลงมากมาย  จะประสบกับทั้งลาภใหญ่ และ ทุกข์ใหญ่ 

               รายละเอียดอื่นๆก็คล้ายกับที่นายกิมซ้วน เคยพยากรณ์ไว้ให้ 

               แต่ที่น่าสนใจมากสำหรับผมก็คือ   คุณหญิงมณีได้เขียนเอาไว้ว่า   

               วันหนึ่ง   ขณะที่เธอกำลังอ่านหนังสือในห้องรับแขก  ก็มีแขกอาบังโพกหัวไว้หนวดยาว มาเคาะประตูห้องรับแขก   บอกว่าเป็นหมอดูแม่นๆ   และขอให้นางสาวมณีลองใช้บริการดูดวง 

               นางสาวมณีบอกว่า   ไม่สนใจและบอกให้อาบังกลับออกไป   แต่อาบังไม่ยอมฟังเสียง  กลับบอกให้นางสาวมณีนั่งเฉยๆ  อาบังจะขอตรวจที่หน้าอกของเธอ 

               คุณหญิงเขียนเอาไว้ว่า  เธอตกใจกลัวจนหน้าซีดตัวสั่น  แต่ก็ไม่กล้าร้องโวยวายเพราะกลัวอาบังจะทำร้าย 

               อาบังนั่งลงตรงข้ามนางสาวมณี  ใช้มือจับนมของนางสาวมณี และบีบสองครั้ง  แล้วจับมือของนางสาวมณีขึ้นมาดู 

               อาบังเขียนอะไรยุกยิกในกระดาษแล้วบอกกับนางสาวมณีว่า   เธอจะต้องเดินทางไกลภายในปีหน้า   และต้องมีชีวิตอยู่ในต่างแดนห่างไกลจากเมืองไทย   จะได้ประสบกับเหตุการณ์ต่างๆที่แปลกประหลาดหลายอย่าง ที่ไม่เหมือนกับคนอื่นๆในวัยเดียวกัน 

               อาบังยังทำนายว่า   คนที่เธอรักและคิดจะแต่งงานกัน จะต้องพรากจากกัน  แต่คนที่จะได้แต่งงานกันจะเป็นคนสูงศักดิ์  เป็นคนดี  แต่จะอยู่ด้วยกันไม่ยืด  เพราะนางสาวมณีเป็นคนดวงแรงมาก  ใครมาอยู่ด้วยจะต้องตายจากไปก่อน

               และยังทำนายว่า   นางสาวมณีจะมีสามีมากกว่า 1 คน


(รูปแบบของการผูกดวงตามแบบอินเดียตะวันออก)

               อาบังคิดค่าหมอดูเป็นเงิน 10 บาท  ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่า  ค่าของเงิน 10 บาทในสมัยนั้นจะมากน้อยเพียงใด    แต่อาบังก็สำทับหลังจากได้รับเงินว่า    ที่พูดมาเป็นความจริงทั้งสิ้น   และหากนางสาวมณีไม่ได้เดินทางไกลภายในปีหน้า จะเอาเงิน 10 บาทมาคืน  

               จะเป็นไปได้อย่างไร  ในเมื่อเธอกำลังเรียนชั้นปี 1 ในมหาวิทยาลัยอยู่  และ มารดาก็ไม่มีเงินมากพอที่จะส่งเสียไปเรียนในต่างประเทศได้   

               นางสาวมณีคงไม่รู้ว่า   คำพยากรณ์ของแขกอาบังจะเกิดขึ้นจริงในเวลาต่อมา   เหมือนเส้นทางที่ขีดเอาไว้แล้ว  และเธอต้องเดินตามนั้น

               แต่ที่ผมเพิ่งจะได้รับรู้   และ เกิดความสงสัยใคร่รู้เป็นอย่างยิ่งก็คือ  มีวิชาโหราศาสตร์ที่ต้องให้หมอดูจับนมผู้หญิงด้วยหรือ

               เป็นปริศนาที่ยากจะหาคำตอบ  

               พบกันใหม่ในสัปดาห์หน้า    

เนื่องจากในสองสัปดาห์ก่อน  ผมได้แจ้งเบอร์โทรศัพท์สำหรับสั่งซื้อหนังสือผิดพลาดไป   จึงขอแจ้งเบอร์ที่ถูกต้องดังนี้  099 425 9112  คุณเพชรชมพู  รายได้จากการจำหน่ายหนังสือจะเข้ามูลนิธิ มณี สิริวรสาร  เพื่อช่วยเหลือเด็กนักเรียนที่ยากจน 

Posted in ซอกซอนตะลอนไป โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ and tagged , , , , .

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *