“ชีวิตเหมือนฝัน คุณหญิงมณี”จากเด็กไร้บ้าน มาเป็นสะใภ้หลวง(ตอน 4)

ซอกซอนตะลอนไป                           (2 ตุลาคม 2558 )

“ชีวิตเหมือนฝัน คุณหญิงมณี”จากเด็กไร้บ้าน มาเป็นสะใภ้หลวง(ตอน 4)

โดย   เสรษฐวิทย์  ชีรวินิจ

               ชีวิตมนุษย์นั้นแปลกนัก   เมื่อยังไม่ถึงเวลา   ดิ้นรนอย่างไรก็ยากที่จะได้มา   ครั้นเมื่อถึงเวลา   แม้ไม่ต้องการ  มันก็จะมา 


(หนังสือ  ชีวิตเหมือนฝัน  คุณหญิงมณี สิริวรสาร)

               ปีพ.ศ. 2476  หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในประเทศไทย 1 ปี   ถือเป็นปีที่ดีของนางสาวมณี บุนนาค  ขณะนั้นเธออายุประมาณ 18 ปี  

               หลังจากที่เธอต้องใช้ชีวิตเหมือนอยู่ถูกกักขังในโรงเรียนประจำอยู่นาน 6 ปีเศษ   ชีวิตในขณะนี้ของนางสาวมณี ก็เหมือนนกน้อยที่ได้โผบินออกจากกรงอย่างมีอิสระเสรี   เป็นชีวิตในโลกใหม่  และกำลังจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ๆในชีวิตอีกด้วย 

               นอกจากได้เข้าศึกษาในคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ แล้ว   นางสาวมณี ยังได้รับเลือกให้เป็นเล่นละครเป็นนางเอก ในการแสดงละครเรื่อง “ชิงนาง”   ทำให้เธอเป็นที่รู้จักในแวดวงสังคมอย่างกว้างขวาง 


(นางสาวมณี  ที่สวยงาม และ มีเสน่ห์  จนได้รับเลือกให้เป็นนางเอกละครของจุฬาฯ)

               เริ่มมีผู้ชายแสดงท่าทีจะเข้ามาสานไมตรีกับนางสาวมณี   แต่เธอก็ไม่ได้สนใจ

               จนกระทั่ง  ผู้ชายคนหนึ่งได้ก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ  เธอเรียกเขาว่า  คุณแมน รับราชการเป็นปลัดอำเภอที่อำเภอป้อมปราบ   ความรักของทั้งสองพัฒนาขึ้นไปเป็นลำดับ  จนกลายเป็นรักแรกของนางสาวมณี  

               สิ่งที่คุณหญิงมณีได้เขียนเอาไว้   ได้ฉายภาพสังคมชายหญิงในยุคนั้นเอาไว้อย่างน่าสนใจว่า 

               “คุณแมนก็ได้มาพบกับข้าพเจ้าแทบทุกวัน และได้พาข้าพเจ้าไปดูหนัง และรับประทานอาหารที่ราชวงศ์  โดยมีน้องสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานสองคนของคุณแมนติดตามไปด้วยเสมอ”

               แสดงว่า  กฎระเบียบของสังคมในสมัยนั้นกำหนดให้ การพบปะกันระหว่างหนุ่มสาวที่ยังไม่แต่งงานกัน  จะต้องมีบุคคลที่สามที่สี่ร่วมไปด้วยเสมอ    

               การเงินของมารดาเริ่มส่อเค้าว่าจะมีปัญหาอีกครั้ง  จนมิสซิส ดอริส ต้องแบ่งบ้านให้ฝรั่งอีกคนหนึ่งเช่า  และ ตัวเองก็ทำงานเป็นแม่บ้านให้แก่ฝรั่งคนนั้นด้วย   เพื่อจะยังคงอาศัยอยู่ในบ้านเดิมได้โดยไม่ต้องย้ายออกไป 

               หรือนางสาวมณีจะต้องประสบปัญหายุ่งยากทางการเงินอีกครั้ง   

               แล้วดวงชะตาของเธอก็ถึงคราวพลิกผัน  ตามคำทำนายของอาบังหมอดู

               ปีที่ 2 ของการเรียนคณะอักษรศาสตร์จุฬาฯ   ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงระบบการสอบชิงทุนคิงส์สกอลาชิป มาเป็น ทุน ก.พ. ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ที่ศึกษาในแผนกศิลปะ  เช่นนางสาวมณี  สามารถเข้ามาสอบชิงทุนได้    

               เพราะก่อนหน้านั้น   ทุนคิงส์สกอลาชิป เปิดโอกาสให้เฉพาะผู้ศึกษาในแผนกวิทยาศาสตร์เท่านั้น

               แล้วชีวิตก็เหมือนฝัน   เธอสอบผ่านการชิงทุน ก.พ.ประจำปีพ.ศ. 2478 ได้  พร้อมๆกับ นายเต็กลิ้ม คุณวิศาล จากโรงเรียนเทพศิรินทร์  และ นายศิริพงศ์ บุญหลง จากโรงเรียนสวนกุหลาบ จากแผนกวิทยาศาสตร์

               เธอเลือกที่จะไปศึกษาที่ มหาวิทยาลัย อ๊อกซ์ฟอร์ด  ประเทศอังกฤษ

               นางสาวมณี กลายเป็นคนดังในชั่วข้ามคืน  เพราะทั้งหนังสือพิมพ์ และ วิทยุ ต่างก็ประโคมข่าวเธอในฐานะผู้หญิงคนแรกที่สอบชิงทุน ก.พ.ได้ 

               ท่ามกลางความชื่นชมยินดีต่อความสำเร็จในการสอบชิงทุนไปต่างประเทศของนางสาวมณี   ก็มีบุคคลหนึ่งที่ไม่ร่วมยินดีไปด้วย  และต้องการให้นางสาวมณีสละสิทธิ์ทุนดังกล่าวก็คือ  คุณแมน

               แต่ด้วยความที่เป็นคนมั่นใจในตัวเอง  และ มีปฎิภาณไหวพริบมองการณ์ไกลของนางสาวมณี ซึ่งแสดงออกอยู่ในดวงชะตาของเธอ   เธอจึงไม่ยอมเปลี่ยนความตั้งใจ   แม้ว่าคุณแมนและเพื่อนของเธอหลายๆคนจะบอกเธอว่า   เธอน่าจะเรียนต่อในประเทศไทยให้จบ  แล้วแต่งงานกับคุณแมนเสีย 

               หากเธอเลือกที่จะไปต่างประเทศในครั้งนี้   โอกาสที่จะได้กลับมาแต่งงานกับคุณแมนคงจะน้อยเต็มที  หรือ  อาจจะไม่มีเลย   


(รูปดวงชะตาของคุณหญิงมณี สิริวรสาร)

               แต่ที่สุดแล้ว   นางสาวมณี ก็เลือกที่จะเดินทางไปศึกษาที่ประเทศอังกฤษ และยอมเสี่ยงที่จะสูญเสียความรักครั้งแรกของเธอไป

               เพราะประเทศอังกฤษในสายตาของคนไทยในยุคนั้น   ก็คงจะไม่ต่างอะไรกับจินตนาการของมนุษย์ต่อการเดินทางไปดวงจันทร์ ที่ดูเหมือนจะอยู่ไกลแสนไกล  และ  ยากที่จะไปถึงได้    

               นางสาวมณี ออกเดินทางจากกรุงเทพ ฯ ด้วยเรือแอร์เรีย(ERRIA) ของบริษัท อีสต์ เอเชียติ๊ก   วันนั้น  ทั้งนักเรียนและครู จากโรงเรียนเซนต์แมรี่ย์ เอส.พี.จี. โรงเรียนเก่าของเธอ รวมทั้งเพื่อนฝูงญาติพี่น้องตระกูลบุนนาค จำนวนมากมาส่งเธอที่ท่าเรือ   

               และที่ขาดไม่ได้ก็คือ  คุณแมน

               เมื่อเรือส่งสัญญาณว่าพร้อมจะออกเดินทาง   นางสาวมณีเดินขึ้นบันไดเรือ พลางโบกมือลาเพื่อนๆทุกคน  เมื่อก้าวพ้นบันไดเข้าไปในตัวเรือ  ก็พบกับ คุณแมน ยืนรออยู่แล้วด้วยแววตาอันแสนเศร้า

               คุณหญิงมณี เขียนบรรยายเหตุการณ์ตอนนี้เอาไว้ในหนังสือว่า

               “ข้าพเจ้าจับตัวคุณแมนผลักเข้าไปในห้องข้างๆ  และจูบลาคุณแมนเป็นครั้งสุดท้าย  เรือเริ่มให้อาณัติสัญญาณให้ทุกๆคนลงจากเรือ  คุณแมนกอดตัวข้าพเจ้าไว้แน่น แล้วจึงปล่อยตัวข้าพเจ้า  เมินหน้าหนี  น้ำตาไหลพราก  รีบเดินผละจากข้าพเจ้าวิ่งลงบันไดโดยไม่เหลียวหลังมาดูข้าพเจ้าอีกเลย” 

               คุณแมน คงจะรู้ดีว่า  อนาคตความรักระหว่างเขากับนางสาวมณี  จะจบลงอย่างไร     


(นางสาวมณี กับมารดา  เข้าใจว่า  จะเป็นบนเรือแอร์เรีย ตอนที่นางสาวมณี เดินทางไปศึกษาที่อังกฤษ)

               อายุ 4 ขวบ  คุณหญิงมณี  เดินทางกลับเมืองไทยพร้อมบิดา มารดา และ พี่ชาย    อายุ 12 ขวบ ก็เข้าไปอยู่ในโรงเรียนประจำในสภาพนักเรียนอนาถา   อายุ 18 ปีมีชีวิตสมบูรณ์แบบพร้อมหน้ากับมารดา

               อายุ 19 ปี  คุณหญิงมณีต้องจากมารดาอีกครั้ง  เพื่อเดินทางกลับไปอังกฤษประเทศที่เธอเกิด  ด้วยความหวังที่เต็มเปี่ยมถึงอนาคตที่สดใส

               เธอไม่รู้เลยว่า  การเดินทางออกจากเมืองไทยในครั้งนี้   เธอจะจะถูกชะตาชีวิตเล่นตลก จนเปลี่ยนแปลงพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ อย่างที่เธอเองก็คาดไม่ถึง     

               และจะไม่ได้กลับมาเมืองไทยอีกเป็นเวลานาน 13 ปี

               ชีวิตเหมือนฝัน จริงๆ

               เพื่อไม่ให้ซ้ำซากจำเจ  ในตอนหน้าผมจะพูดถึงการเดินทางท่องเที่ยวไปต่างประเทศเพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศครับ   โปรดรออ่านครับ

สำหรับท่านที่ต้องการซื้อหนังสือชุดนี้  โปรดติดต่อเบอร์   099 425 9112  คุณเพชรชมพู  รายได้จากการจำหน่ายหนังสือจะเข้ามูลนิธิ มณี สิริวรสาร  เพื่อช่วยเหลือเด็กนักเรียนที่ยากจน 

Posted in ซอกซอนตะลอนไป โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ and tagged , , , , .

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *