“ชีวิตเหมือนฝัน คุณหญิงมณี”จากเด็กไร้บ้าน มาเป็นสะใภ้หลวง(ตอน 7)

ซอกซอนตะลอนไป                           (13 พฤศจิกายน 2558 )

“ชีวิตเหมือนฝัน คุณหญิงมณี”จากเด็กไร้บ้าน มาเป็นสะใภ้หลวง(ตอน 7)

โดย   เสรษฐวิทย์  ชีรวินิจ

               วันฉลองวันเฉลิมพระชนม์พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชการที่ 7 ที่สถานทูตไทยในลอนดอน  เป็นวันที่เปลี่ยนชีวิตของนางสาวมณี ไปอย่างสิ้นเชิง   

               อาจเรียกได้ว่า  เป็นจุดเริ่มต้นของ  “ชีวิตเหมือนฝัน” เลยก็ว่าได้ 

               คุณหญิงมณี ได้เขียนในหนังสือเล่มนี้ว่า 

               “เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว  ก็มีการละเล่นกันอย่างที่คนไทยทุกคนถนัด   ข้าพเจ้านั่งดูอยู่พักใหญ่ๆ ก็ไปกราบลาท่านทูตและคุณหญิง  เพราะจะต้องเดินทางกลับไปอ๊อกซ์ฟอร์ดในวันรุ่งขึ้นแล้ว” 


(นางสาวมณี กับเพื่อนแต่ไม่ทราบว่าเป็นใคร  เดาเอาว่า   ผู้หญิงน่าจะเป็นมารี และผู้ชายก็น่าจะเป็นเอริค คนที่มารีพยายามชักนำให้นางสาวมณี ได้คบเป็นเพื่อน)

               นางสาวมณี เดินลงบันไดไปที่ห้องวางเสื้อโค้ท  ปรากฏว่า  หาถุงมือไม่พบ  เธอจึงสาละวนกับการก้มๆเงยๆค้นหาถุงมือ  พลันก็รู้สึกว่า  มีสายตาของใครคนหนึ่งกำลังจ้องมองมา 

               เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาดู   ก็พบกับชายหนุ่มคนหนึ่ง  ไม่สูงมากนัก  แต่ท่าทางมีสง่าราศี   สวมสูทที่ดูก็รู้ว่า  ตัดมาอย่างดีจากร้านแพง   ชายหนุ่มผู้นั้นอาสาจะช่วยหาของให้  และในที่สุดก็พบ 

               ชายหนุ่มผู้นั้นยังช่วยสวมเสื้อโค้ทให้ตามประเพณีของชาวอังกฤษ และเดินตามมาส่งที่ประตูของสถานทูตเพื่อขึ้นรถแท็กซี่   เธอหันไปขอบใจเขาอีกครั้ง แล้วก็ขึ้นรถแท็กซี่จากไป 

               จะเป็นเพราะขณะนั้น   เพื่อนๆคนไทยกำลังสนุกกับการละเล่นต่างๆ   จึงไม่มีใครคนใดคนหนึ่งตามมาส่งเธอ    หรือ  เป็นเพราะดวงดาวในดวงชะตาเริ่มทำงานตามแผนภูมิของมันแล้ว

               เพราะผู้ชายที่เธอพบก็คือ  พระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาต  พระโอรสบุญธรรมของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7    


(พระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาต) 

               ชีวิตหลังจากนั้นของนางสาวมณี  ดูเหมือนจะไม่มีอะไรที่ผิดแผกไปจากวิถีชีวิตประจำวัน

               ช่วงเวลาที่ผ่านมา   นางสาวมณี เริ่มจะสัมผัสกับ “ความรัก” ในอีกแนวทางหนึ่ง   เพราะเธอเพิ่งจะตัดความสัมพันธ์กับคุณแมน  คนรักคนแรกในชีวิตที่อยู่ในเมืองไทย   และเธอเริ่มจะรู้สึกเห็นอกเห็นใจคุณเครือ นักเรียนแพทย์ที่พำนักในบ้านเดียวกัน 

               แต่จังหวะนั้น   เธอต้องย้ายไปพำนักในหอพักของ มหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด   ก็เลยทำให้ไม่มีโอกาสที่จะสืบสานความสัมพันธ์กับคุณเครือได้  

               ที่อ๊อกซ์ฟอร์ด  เพื่อนสนิทของเธอ คือ มารี ผู้พยายามแนะนำเพื่อนชายของเธอทุกคนให้นางสาวมณีได้รู้จัก   เข้าใจว่าน่าจะเป็นชาวอังกฤษ  โดยหวังว่าใครสักคนจะเป็นคนรักพิเศษของนางสาวมณีได้ 


(มหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด ในปัจจุบัน)

               แต่วันเวลาก็ผ่านไปตามปกติ  เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  จนกระทั่งในช่วงเทอมสุดท้ายของปี คือระหว่างเดือนเมษายน ถึง กรกฎาคม  นางสาวมณีก็ได้รับคำเชิญเป็นจดหมายจาก พิพรรธน์ ไกรฤกษ์ ซึ่งมีชื่อเล่นว่า Pip  ให้ไปร่วมทานน้ำชากับนักเรียนไทยอีกหลายคนที่ห้องพักของ Pip

               Pip  ย้ำว่า   มีแขกพิเศษคนหนึ่งจากลอนดอน ที่สนใจเมืองอ๊อกซ์ฟอร์ดมากมาร่วมดื่มน้ำชาด้วย  ต้องการให้นางสาวมณี มาร่วมดื่มน้ำชาในครั้งนี้ให้ได้   เพื่อไม่ให้แขกคนนี้ผิดหวัง 

               แต่เนื่องจากเป็นช่วงใกล้สอบ   นางสาวมณีจึงปฎิเสธที่จะไปร่วม   แต่เธอก็อดแปลใจไม่ได้ว่า   ใครคือ  แขกพิเศษผู้นั้น

               เมื่อการสอบเทอมสุดท้ายผ่านไป   คอลเลจต่างๆก็สนุกสนานกันอย่างเต็มที่  มีการจัดงานฉลองการรับปริญญาให้แก่นิสิตที่จบการศึกษาในปีนั้น ที่เรียกว่า COMMEMORATION BALL  ซึ่งบรรดานิสิตมักจะเชิญผู้ปกครองและญาติมิตรเพื่อนฝูงมาร่วมงาน

               Pip มาพบด้วยตัวเอง เพื่อเชิญนางสาวมณีไปงานบอลล์นี้  และบอกกับนางสาวมณีว่า  หากเธอปฎิเสธอีกครั้ง   เขาคงเสียคนแน่ๆ  เพราะคราวที่แล้ว  บุคคลพิเศษผู้นี้ก็ผิดหวังอย่างแรง 

               การเชิญเที่ยวนี้ก็เพื่อให้นางสาวมณี เป็นคู่เต้นรำกับบุคคลพิเศษผู้นี้    แม้ว่านางสาวมณีจะถาม Pip ว่า  คนที่มาสนใจเธอเป็นใคร   แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ    แต่บอกว่าจะให้เป็น “เซอร์ไพรส์” 

               ความจำของคุณหญิงมณีจะต้องดีมาก  แม่นยำมากๆ   เพราะในหนังสือเล่มนี้ซึ่งคุณหญิงมณี เขียนขณะอายุประมาณ 80 ปี   ท่านยังสามารถบรรยายรายละเอียดได้อย่างแม่ยำ  ว่า

               “ข้าพเจ้าเลือกอยู่นาน  และในที่สุดก็ซื้อเสื้อทำด้วยผ้าออแกนซาสีฟ้า เป็นผ้าลูกไม้โปร่ง  มีเสื้อชั้นในเป็นผ้าซาติน  และคาดเข็มขัดที่ทำด้วยผ้าซาติน สีฟ้าปล่อยห้อยชายที่เอว  เสื้อผ้าลูกไม้นี้ตัดคอเป็นรูปหัวใจ และมีเข็มกลัดเพชรเทียมกลัดที่คอเสื้อแขนสั้นกุด  แต่มีเสื้อกั๊กเล็กๆทำด้วยผ้าลูกไม้อย่างเดียวกันสวมทับท่อนบน  ซึ่งมีแขนสั้นซ้อนกัน 2 ชั้น คล้ายปีกเล็กๆปกคลุม ท่อนล่างกระโปรงลีบแต่บานปลาย  ซึ่งทำให้ข้าพเจ้าดูสูงระหง” 

               ยังไม่จบแค่นั้น 

               “นอกจากนี้   ข้าพเจ้าได้ซื้อรองเท้าส้นสูงสีเงิน 1 คู่  และกระเป๋าราตรีทำด้วยลูกปัดหนึ่งใบ  ซึ่งเป็นประวัติการณ์สำหรับข้าพเจ้าที่ได้ลงทุนจ่ายเงินซื้อเครื่องแต่งกายมากมายถึงขนาดนี้” 

               วันนัดหมาย  เวลา 18.55 น.  รถเก๋งสีเทาคันงาม ยี่ห้อเบนท์เล่ ซึ่งเป็นรถสปอร์ตราคาแพงที่สุดคันหนึ่งในอังกฤษ ก็แล่นมาจอดหน้าประตูทางเข้าหอพัก  นางสาวมณี ซึ่งมองเห็นรถยนต์คันนี้แล่นเข้ามาแต่ต้น  ก็รีบวิ่งลงมาก่อนที่เจ้าของรถจะขึ้นมาบนห้อง

               แล้วเธอก็ได้พบกับชายหนุ่มคนหนึ่ง  หน้าตาเกลี้ยงเกลาเปิดประตูรถแล้วเดินตางมาหาเธอ   ทันทีที่เห็น  เธอก็รู้ว่า  นี่คือชายหนุ่มคนเดียวกับที่เธอได้พบในสถานทูตไทยคืนนั้น 

               “ฉันชื่อเจรี่(JERRY)  ยินดีเหลือเกินที่ได้รู้จัก  และขอบคุณมากที่ให้เกียรติเป็นคู่ขาของฉันคืนวันนี้”  เป็นคำพูดประโยคแรกของชายคนนั้นที่พูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษ กับ นางสาวมณี 

               การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต  กำลังจะเกิดขึ้น   

               พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ

สำหรับท่านที่ต้องการซื้อหนังสือชุดนี้  โปรดติดต่อเบอร์   099 425 9112  คุณเพชรชมพู  รายได้จากการจำหน่ายหนังสือจะเข้ามูลนิธิ มณี สิริวรสาร  เพื่อช่วยเหลือเด็กนักเรียนที่ยากจน 

Posted in ซอกซอนตะลอนไป โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ and tagged , , , , .

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *