ซอกซอนตะลอนไป (14 สิงหาคม 2558 )
นางาซากิ วันที่โลกต้องจดจำ(ตอน 2)
โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
ผลจากการทิ้งระเบิดปรมาณู FAT MAN ของสหรัฐอเมริกาลงที่เมือง นากาซากิ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ปีพ.ศ. 2488 นั้น ทำให้มีคนเสียชีวิตทันที 70,000 คน และ บาดเจ็บอีกไม่น้อยกว่า 70,000 คน
จะว่าไป 7 หมื่นคนที่ว่าอาจจะโชคดีก็ได้ ที่ได้เสียชีวิตไปในทันทีทันใด โดยที่ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดเหมือนคนอีกจำนวนมากที่ต้องทนทุกข์ทรมานอีกนานอีกหลายปีกว่าจะตาย
ไม่เหมือนกับครอบครัว ฟูจิตา (FUJITA) ซึ่งมีสมาชิกในครอบครัวขณะนั้น 8 คน ประกอบด้วย บิดา คือนาย ฮัตซุยชิ(HATSUICHI) อายุ 42 ปี ภรรยาคือ ซาโน(SANO) อายุ 36 ปี พร้อมด้วยลูกชาย 1คน และ ลูกสาวอีก 5 คน
สมาชิกของครอบครัวทั้งหมด 8 คน ตาย 6 คน รอด 2 คนคือ นางซาโน และ ลูกสาวคนโต ที่ชื่อฮัตซู (HATSUE) ซึ่งขณะนั้นอายุ 17 ปี เรียนอยู่ที่โรงเรียนพาณิชยการ แต่ถูกเรียกตัวไปทำงานในฝ่ายบัญชีของโรงงาน อาคูนูรา(AKUNOURA FACTORY) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเรือรบในเครือของบริษัท มิตซูบิชิ(MITSUBISHI SHIPYARD COMPANY) ที่อยู่ห่างออกจากจุดระเบิดออกไป
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงรอดชีวิต
นายฮัตซุยชิ ผู้เป็นสามี บาดเจ็บสาหัสจากการเผาไหม้ของระเบิด และ เสียชีวิตในอีก 5 วันต่อมาคือวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2488
ผู้ที่เสียชีวิตทันทีในวันที่ 9 สิงหาคม ก็คือ ลูกสาวคนที่สอง , ลูกสาวคนที่ 3 เสียชีวิตต่อมาในวันที่ 11 สิงหาคม , ลูกสาวคนที่สี่ เสียชีวิตเป็นรายต่อมาคือวันที่ 14 สิงหาคม และ สมาชิกคนสุดท้ายที่เสียชีวิตในวันที่ 15 สิงหาคม คือ ลูกชายคนเดียวซึ่งเป็นลูกคนที่ 5
ทั้งหมดเสียชีวิตเพราะบาดแผลเผาไหม้จากระเบิดปรมาณูนี้ทั้งสิ้น
ผมอดรู้สึกสงสารและเวทนา ต่อผู้ที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากบาดแผลเผาไหม้หลายวันก่อนที่จะเสียชีวิตซึ่งมีอยู่จำนวนมากมาย เพราะพวกเขาจะต้องทุรนทุรายมากน้อยขนาดไหน
และรู้สึกเศร้าสลดใจ ต่อนางซาโน ที่ต้องทนดูคนที่ตนเองรัก และ ผูกพัน ล้มหายตายจากไปต่อหน้าต่อตาทีละคน ว่าหัวใจของเธอจะชอกช้ำสักแค่ไหน
แต่สำหรับผู้ที่รอดชีวิต วิบากกรรมของพวกเขาก็ยังไม่หมด เพราะต้องทนใช้ชีวิตที่ได้รับผลกระทบจากรังสีร้ายของระเบิด ยังไม่ต้องพูดถึง ความหวาดผวา ฝันร้าย และ ภาพหลอน ที่ยังติดตามพวกเขาอยู่จนชีวิตจะหาไม่
เช่นเดียวกับ ฮิราโก ฮอนดา เพศหญิง ที่ประสบเหตุร้ายครั้งนี้ขณะอายุ 15ปี และต้องทนทรมานถูกความทรงจำที่เลวร้ายตามหลอกหลอนเป็นเวลากว่า 40 ปี
แต่สำหรับรายของเด็กหญิงคนที่ผมจะนำมาเล่าให้ฟังนี้ เธอคือ ซาซากิ ซาดาโกะ (SASAKI SADAKO) ซึ่งประสบเหตุร้ายครั้งนี้ตอนที่ระเบิดปรมาณูลูกแรกถล่มที่เมือง ฮิโรชิมา เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ขณะที่อายุเพียง 2 ขวบเท่านั้น
แม้ว่าเธอจะโชคดีมีชีวิตรอดจากระเบิดครั้งนี้มาได้ แต่ก็ไม่อาจหนีพ้นจากรังสีอำหิตของระเบิดที่ได้เข้าไปแทรกอยู่ในตัวของเธอได้
หลังจากนั้นอีก 9 ปี เมื่อเธอเติบโตขึ้น และเรียนอยู่ในชั้นประถมแห่งหนึ่ง เธอก็เหมือนเด็กคนอื่นๆทั่วไปที่ดูแล้วก็มีร่างกายแข็งแรงดี และเธอก็ยังเป็นนักกีฬาของโรงเรียนด้วย
วันหนึ่ง ขณะที่กำลังซ้อมวิ่งในสนามกีฬา พลันเธอก็รู้สึกมึนศรีษะ แล้วก็ล้มลง เมื่อแพทย์ตรวจร่างกายเธอก็พบว่า เธอป่วยด้วยโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงจากระเบิดปรมาณูครั้งนี้
อนาคตในการเป็นนักกีฬาของเธอดับวูบลง เหลือเพียงแต่รอวันตายเท่านั้น
เพื่อนๆของซาดาโก ที่มาเยี่ยมเธอ ได้บอกเธอถึงตำนานโบราณของญี่ปุ่นที่ว่า หากใครสามารถพับนกกระดาษได้ครบ 1,000 ตัว และอธิษฐานสิ่งใด ก็จะได้สิ่งนั้นสมความปรารถนา
ซาดาโกะ ลงมือพับนกกระดาษทันที ด้วยความหวังที่ใสซื่อบริสุทธิ์แบบเด็กๆว่า เธอจะหายจากโรคดังกล่าวเมื่อพับนกได้ครบ 1 พันตัว
เพื่อนๆทุกคนเอาใจช่วยเธอในภารกิจครั้งนี้
เธอใช้เวลา 14 เดือนที่รักษาตัวในโรงพยาบาลเพื่อพับนกกระดาษให้ครบ 1,000 ตัว แต่อนิจจา วันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2498 ซาดาโกะ ก็เสียชีวิตเสียก่อนขณะอายุย่าง 12 ขวบ
เธอเพิ่งจะพับนกได้ 644 ตัวเท่านั้น
ไม่มีใครรู้ว่า หากเธอสามารถพับนกกระดาษได้ครบ 1 พันตัว เธอจะรอดชีวิตหรือไม่
แต่แล้วเพื่อนๆขอเธอก็ช่วยสานต่อเจตนารมณ์ของเธอให้สำเร็จลุล่วงต่อไป ด้วยการช่วยกันพับนกกระดาษจนครบ 1,000 ตัว แล้วฝังนก 1,000 ตัวลงไปในหลุมฝังศพของซาดาโกะด้วย
และหวังว่า นกทั้ง 1,000 ตัวจะช่วยพาดวงวิญญาณของเธอไปสู่ภพภูมิที่ดีกว่า ดีกว่าภพภูมินี้ที่ผู้คนโหดร้ายเหลือเกิน
นกกระดาษจึงเป็นสิ่งที่ผู้คนในยุคนี้ใช้รำลึกถึง ซาดาโกะ ผู้น่าสงสาร และ รำลึกถึงวันแห่งความโหดร้ายที่มนุษย์จากซีกโลกหนึ่ง กระทำต่อมนุษย์ในอีกซีกโลกหนึ่ง ทั้งๆที่ไม่เคยมีความโกรธแค้นเป็นการส่วนตัวมาก่อนเลย
เป็นวันที่โลกจะต้องจดจำไปอีกนานเท่านาน
เดิมทีผมคิดว่า จะเล่าเรื่องของผู้เคราะห์ร้ายอีกหลายตอน แต่เมื่ออ่านเรื่องราวของเขาเหล่านี้แล้ว ก็รู้สึกหดหู่ใจจนเกินกว่าที่จะเขียนต่อได้ จึงขอจบเรื่องราว “นากาซากิ วันที่โลกต้องจดจำ” เอาไว้แค่นี้ครับ
มีผู้ถาม อัลเบิร์ต ไอนส์ไตน์ เจ้าของทฤษฎีสัมพันธภาพ ซึ่งเป็นตัวต่อยอดไปสู่การคิดค้นระเบิดปรมาณูว่า สงครามโลกครั้งที่ 3 มนุษย์จะใช้อาวุธชนิดใดมาประหัตประหารกัน
ไอนส์ไตน์ ตอบว่า เขาไม่รู้ รู้แต่ว่า ในสงครามโลกครั้งที่ 4 มนุษย์จะใช้ไม้กระบอง และ หินเป็นอาวุธต่อสู้กัน
สวัสดีครับ