ซอกซอนตะลอนไป (12 มิถุนายน 2558 )
อันเนื่องจากมาจาก พระแสงดาบของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5(ตอน 3)
โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ
พิพิทภัณฑ์ที่เก็บรักษาพระแสงดาบที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงถวายให้แก่พระเจ้าซาร์นิโคลัส ที่ 2 แห่งรัสเซียนั้น เรียกว่า พิพิธภัณฑ์คุนส์ตคาเมอร่า (KUNSTKAMERA) ก่อตั้งโดยพระเจ้าปีเตอร์มหาราช ในปีค.ศ. 1727 หรือ ตรงกับปีพ.ศ. 2270
ก่อนหน้าที่จะมีการลงหลักเมืองของกรุงเทพ 55 ปี และถือเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกของประเทศรัสเซีย
คุนสต์คาเมอรา เป็นคำในภาษาดัตช์ เชื่อว่าคนที่นำคำนี้มาให้ชาวรัสเซียรู้จักก็คือ นายแพทย์สเตฟานุส แบลงคาร์ต(STEPHANUS BLANKAART) ที่มาทำงานในรัสเซีย ถือเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกของรัสเซีย ที่จัดแสดงสิ่งของต่างๆเกี่ยวกับชาติพันธุ์ของมนุษย์บนโลกนี้ มีสิ่งของต่างๆจัดแสดงอยู่เกือบ 2 ล้านชิ้น
แต่พระแสงดาบทั้งสามเล่ม ถูกเก็บเอาไว้ในห้องนิรภัยที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เพราะทางพิพิธภัณฑ์ตระหนักว่า เป็นสิ่งของล้ำค่าของชาติ
อันที่จริง ถัดจากพิพิธภัณฑ์คุนส์ตคาเมอร่า ไปอีกหน่อย ก็คือพิพิธภัณฑ์สัตว์ ที่จัดแสดงพันธุ์สัตว์ต่างๆทั่วโลก ก่อตั้งโดยพระเจ้าปีเตอร์มหาราชอีกเช่นกัน เป็นพิพิธภัณฑ์ที่น่าชมอีกแห่งหนึ่ง
หลายปีก่อน ตอนที่ผมจัดทัวร์รัสเซีย 7 คืน 10 วัน ก็พาเข้าชมพิพิธภัณฑ์สัตว์นี้ด้วย แต่เดี๋ยวนี้ หลังจากปรับลดวันลงมาเหลือเพียง 5 คืน ก็ไม่มีเวลาพอที่จะเข้าไปชม
ใครก็ตามที่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของประเทศรัสเซียแล้ว จะต้องรู้สึกเคารพต่อแนวคิด และ วิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของพระเจ้าปีเตอร์มหาราชเป็นที่ยิ่ง เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้ปฎิรูปแทบจะทุกสิ่งในรัสเซีย และนำพารัสเซียเข้าสู่ความเป็นชาติมหาอำนาจ ทั้งทางเศรษฐกิจ ทางทหาร และ วัฒนธรรม
ทั้งนี้เพราะพระองค์มีโอกาสได้เดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศต่างๆในยุโรปหลายประเทศก่อนที่จะขึ้นครองราชย์ และ ยังมีเพื่อนเป็นราชทูตของประเทศต่างๆหลายประเทศที่สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้อีกด้วย
ลำพังการริเริ่มตั้งพิพิธภัณฑ์ในประเทศก็เป็นสิ่งพิเศษแล้ว แต่แค่นั้นยังไม่พอ
พระเจ้าปีเตอร์มหาราช ยังได้ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่รัฐทั่วประเทศรวบรวมร่างของเด็กทารกที่เกิดมาผิดธรรมชาติ แล้วส่งมาให้พระองค์เพื่อจะจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ทั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดของพระองค์ที่จะพยายามวิจัยค้นคว้าหาสาเหตุของการที่มนุษย์เกิดมามีรูปร่างผิดปกติ
มนุษย์เมื่อ 300 ปีที่แล้วคิดได้แบบนี้ ต้องถือว่า ยอดคน
ผู้ดูและรับผิดชอบในส่วนของประเทศไทยของพิพิธภัณฑ์คุนส์ตคาเมอรา และเป็นผู้บรรยายชมให้แก่คณะของเราก็คือ มาดามอิวานโนว่า ซึ่งเคยเดินทางไปประเทศไทยเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว และได้ซื้องานศิลปะของไทยหลายอย่างเพื่อมาจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ด้วย
วันนั้น นอกเหนือจากเรื่องพระแสงดาบ และ สิ่งของอื่นๆที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ประทานให้แก่ พระเจ้าซาร์นิโคลัส ที่ 2 แล้ว มาดามอิวานโนว่า ยังได้เล่าเรื่องราวการเดินทางของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ไปประเทศสยามในขณะที่ดำรงพระยศเป็น มกุฎราชกุมาร ในปีพ.ศ. 2434 อีกด้วย
มาดามเล่าว่า การเดินทางครั้งนั้น มกุฎราชกุมารแห่งรัสเซียได้นำเอาเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายร่วมเดินทางไปด้วย หนึ่งในนั้นก็คือ เจ้าหน้าที่จดบันทึกเกี่ยวกับการเดินทาง
มาดามได้เอ่ยชื่อบุคคลผู้นี้ แต่เนื่องจากเวลาค่อนข้างฉุกละหุก ผมก็เลยไม่ได้จดชื่อของบุคคลผู้นี้เอาไว้
มาดามอิวานโนว่า ยังได้บอกอีกว่า บันทึกดังกล่าวนอกเหนือจากที่บันทึกเหตุการณ์ตอนที่มกุฎราชกุมาร แห่งรัสเซีย เดินทางไปในประเทศต่างๆ เช่น อียิปต์ อินเดีย สิงคโปร์ และ ญี่ปุ่นแล้ว ยังบันทึกเหตุการณ์ตอนที่ประทับอยู่ในประเทศสยามอีกด้วย
แน่นอนว่า บันทึกดังกล่าวเป็นภาษารัสเซีย และปัจจุบันนี้ก็ยังเก็บรักษาเอาไว้ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ด้วย
จะเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อยทีเดียว หากจะมีหน่วยงานรัฐสักหน่วยงานหนึ่ง ติดต่อไปยังรัฐบาลรัสเซีย เพื่อขอแปลเอกสารดังกล่าวออกมาเป็นภาษาไทยให้คนไทยได้อ่าน เพื่อจะได้รู้ว่า ชาวรัสเซียเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วคิดอย่างไรกับประเทศสยาม
และที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือ เราจะได้เห็นภาพในอดีตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผ่านมุมมองของ มกุฎราชกุมารแห่งรัสเซีย และ มุมมองของข้าราชการชาวรัสเซียเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วด้วย
ผมว่าคนไทยจำนวนไม่น้อย ก็อยากรู้เหมือนกัน พบกันใหม่ตอนหน้า สวัสดีครับ