อิหร่าน – เปอร์เชีย มิใช่อาหรับ(ตอน 1)

ซอกซอนตะลอนไป                 (24 เมษายน 2558 )

อิหร่าน – เปอร์เชีย  มิใช่อาหรับ(ตอน 1)

โดย   เสรษฐวิทย์  ชีรวินิจ

               ในพระคัมภีร์ฉบับพันธะสัญญาใหม่ ของศาสนาคริสต์กล่าวว่า

               “พระเยซูได้ทรงบังเกิดที่บ้านเบธเลเฮมแคว้นยูเดียในรัชกาลของกษัตริย์เฮโรด  ภายหลังมีพวกโหราจารย์ จากทิศตะวันออกมายังกรุงเยรูซาเล็ม  ถามว่า  “กุมารผู้ที่บังเกิดมาเป็นกษัตริย์ของชนชาวยิวนั้นอยู่ที่ไหน เราได้เห็นดาวของท่านปรากฎขึ้น  เราจึงมาหวังจะนมัสการท่าน”

               ตำราบางเล่มระบุว่า  “พวกโหราจารย์” นั้น   แท้ที่จริงแล้วน่าจะเป็นชาวเปอร์เชี่ยน  หรือ  ชาวอิหร่านในปัจจุบัน


(โหราจารย์ที่เดินทางตามดวงดาวไปเข้าเฝ้าพระเยซูตอนประสูติ)

               ในย่อหน้าข้างต้นของพระคัมภีร์ใหม่บอกว่า   พวกโหราจารย์เห็นดวงดาวปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า   จากนั้นพวกเขาก็เดินทางตามดวงดาวนั้นมาเรื่อยๆจนกระทั่งได้เข้าเฝ้าพระเยซูที่ประสูติในรางหญ้าในที่สุด

               สะท้อนให้เห็นว่า  โหราจารย์เหล่านี้  น่าจะต้องมีความรู้เรื่องดวงดาวบนท้องฟ้าดีมาก  หรือหากจะพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ  โหราจารย์เหล่านี้  น่าจะมีความรู้เรื่องดาราศาสตร์อย่างดียิ่ง 

               ผู้คนที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่ปัจจุบันนี้คือ ประเทศอิหร่านนั้น  ตามประวัติศาสตร์ถือว่าเป็นบรรพบุรุษของชาวยุโรปส่วนหนึ่ง   และ เป็นบรรพบุรุษของชาวอินเดียอีกส่วนหนึ่ง


(แผนที่ของอิหร่าน  จะเห็น FARS อยู่ทางภาคใต้ของประเทศ)

               เพราะชาวเปอร์เชี่ยนโบราณได้อพยพเข้าไปอาศัยอยู่ในยุโรป และ อินเดียเมื่อหลายพันปีมาแล้ว  ชาวเปอร์เชี่ยนเหล่านี้  ต่อมาเรียกกันว่า  ชาวอารยัน 

               ว่ากันว่า    พระพุทธเจ้าก็สืบเชื้อสายมาจากชาวอารยัน หรือ  ชาวเปอร์เชี่ยนโบราณ 

               และประวัติศาสตร์บอกว่า  ชนชาวเปอร์เชี่ยนนี่แหละ ที่เป็นผู้คิดค้นระบบ “วรรณะ” (CASTE SYSTEM) ขึ้นในอินเดีย  และเป็นผู้วางรากฐานคัมภีร์พระเวท(VEDIC) ของ ศาสนาพราหมณ์ หรือ  ศาสนาฮินดู ของอินเดียปัจจุบัน

               คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจผิดคิดว่า  ชาวอิหร่าน หรือ  ชาวเปอร์เชี่ยน เป็น ชาวอาหรับ  เพราะเห็นว่าชาวอิหร่าน นับถือศาสนาอิสลาม เช่นเดียวกับชาวอาหรับ ที่อยู่ในตะวันออกกลาง 


(หนังสือของผู้เขียน  มีจำหน่ายที่ บ.ไวท์ เอเลแฟนท์ ทราเวล เอเยนซี่)

               เช่นเดียวกับที่มักจะเข้าใจว่า  ชาวตุรกี เป็นชาวอาหรับ  ทั้งๆที่ชาวตุรกีสืบเชื้อสายมาจาก ชาวมองโกล ที่มีบรรพบุรุษที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางคือ  เจง กีสข่าน  (ถ้าอยากรู้เรื่องราวของตุรกี  ผมเขียนพ็อคเก็ตบุ๊ค ชื่อ  ท่องโลกศิลปวัฒนธรรม  โดย เสรษฐวิทย์ – อียิปต์ กรีซ ตุรกี  หาอ่านได้ครับ) 

               อาณาจักรเปอร์เชีย เริ่มต้นขึ้นทางภาคใต้ของประเทศอิหร่านปัจจุบันนี้ ในดินแดนที่เรียก ฟาร์ส (FARS)โดยราชวงศ์อะเคเมนิดส์(ACHAEMENIDS) ที่ก่อตั้งโดย พระเจ้าไซรัส มหาราช(CYRUS THE GREAT)

               พระองค์มีชีวิตก่อนหน้าพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช ของกรีก อยู่ประมาณ 200 ปีเศษ 


(กษัตริย์ ไซรัส มหาราช ของ ราชวงส์อะเคเมนิดส์)

               ฟาร์ส  มีเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเขตนี้คือ  ชีราส(SHIRAZ)  

               ฟาร์ส  หรือ บางครั้งก็เรียกว่า  ฟาร์ซี  ยังหมายถึง ผู้คนกลุ่มหนึ่งที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แถบนี้  ชนชาติฟาร์ซี  เป็นที่รู้จักกันดีว่า มีความเฉลียวฉลาด   เก่งในวิชาคำนวณ  วิชาคณิตศาสตร์  ได้อพยพเจ้าไปอยู่ในอินเดีย   และ ต่อมาก็อพยพเข้ามาในประเทศไทย 

               คนดังที่มีชื่อเสียงของไทยที่สืบเชื้อสายมาจาก  ชนชาวฟาร์ซี เท่าที่ผมรู้จักก็คือ  ตระกูลเปสตันยี เช่น คุณสันต์ เปสตันยี  เป็นต้น 

               พระเจ้าไซรัส  มหาราช  มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ชาวยิว   เพราะในบันทึกประวัติศาสตร์ระบุว่า   หลังจากที่กษัตริย์ไซรัส สามารถยึดครองกรุงบาบีโลนได้ในปี 539 ก่อนคริสตกาล  พระองค์ได้ปลดปล่อยชาวยิวที่ถูกชาวบาบีโลนกวาดต้อนมาให้เป็นอิสระ

               และอนุญาตให้ชาวยิวเหล่านี้  เดินทางกลับบ้านที่เยรูซาเล็มได้  มิได้ยึดเอาไว้เป็นทาสของตนเองต่อ

               รวมระยะเวลาที่ชาวยิวตกเป็นทาสคุมขังอยู่ในกรุงบาบีโลนประมาณ 66 ปี

               แต่ปัจจุบัน ชาวอิสราเอล หรือ ชาวยิว  กำลังเป็นปฎิปักษ์กับชาวอิหร่าน หรือ  ชาวเปอร์เชี่ยนโบราณ  เป็นการย้ำว่า    ผลประโยชน์เฉพาะหน้าย่อมอยู่เหนือสิ่งใด   

               อีกผลงานที่น่าสนใจของพระเจ้าไซรัส มหาราช ก็คือ  ม้วนจารึกทำด้วยดินเผา  ที่มักจะเรียกกันว่า  ท่อไซรัส(CYRUS CYLINDER)  ซึ่งได้จารึกคำประกาศของพระองค์ในภาษาคูนิฟอร์ม(CUNEIFORM) ซึ่งเป็นภาษาโบราณที่ใช้กันอยู่ในภูมิภาคเอเชียไมเนอร์ และ ในดินแดนเปอร์เชียโบราณ


(ท่อจารึกของไซรัส มหาราช ที่ได้รับการยกย่องอย่างสูง) 

               ปัจจุบัน  ถือว่าเป็นภาษาที่ตายแล้ว   แต่นักภาษาศาสตร์ยังสามารถอ่านภาษาคูนิฟอร์มได้    

               ข้อความคำประกาศของจารึกดังกล่าว   แสดงให้เห็นถึง การเคารพสิทธิของบุคคลทั่วไป ในหลายๆเรื่อง  เช่น  สิทธิบนทรัพย์สินส่วนตัว  เสรีภาพในการนับถือศาสนาใดๆก็ได้   สิทธิของผู้ใช้แรงงาน   เสรีภาพในการเลือกถิ่นฐานที่อยู่อาศัย   และ  เสรีภาพในการเลือกประกอบอาชีพใดๆก็ได้


(สุสานที่เชื่อกันว่า  เป็นของพระเจ้าไซรัส มหาราชที่เมือง พาซากาด) 

               จารึกดังกล่าว ยังรับรองสิทธิของบุคคลทุกคน ที่จะไม่ต้องรับโทษในกรณีที่วงศาคณาญาติของตัวเองกระทำความผิด  และ  ห้ามการมีทาส     

               ไม่น่าเชื่อว่า   มนุษย์เมื่อ 2500 ปีที่แล้วจะคิดได้แบบนี้      

               องค์การสหประชาติ ได้ประกาศให้ จารึกบนม้วนดินเผานี้  เป็นคำประกาศรับรองสิทธิมนุษยชน(DECLARATION OF HUMAN RIGHTS) เป็นครั้งแรกของโลก

               ปัจจุบันนี้  ท่อไซรัส  อยู่ในการครอบครองของอังกฤษ  และถูกจัดแสดงอยู่ในพิพิทภัณฑ์บริติช มิวเสี่ยม    

               ด้วยเหตุนี้   ผมจึงต้องเอาเรื่องของ เปอร์เชีย หรือ อิหร่าน มาเล่าสู่กันฟัง  

               พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ

Posted in ซอกซอนตะลอนไป โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ and tagged , , , .

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *