เมื่ออาทิตย์ส่องผ่าน 15 ช่องประตู กับจันทรคราส(ตอน 1)

ซอกซอนตะลอนไป                 (10 เมษายน 2558 )

เมื่ออาทิตย์ส่องผ่าน 15 ช่องประตู กับจันทรคราส(ตอน 1)

โดย   เสรษฐวิทย์  ชีรวินิจ

               ภายในสัปดาห์ที่ผ่านมา  ได้เกิดปรากฎการณ์ทางธรรมชาติอย่างน้อยที่สุด 2 อย่าง ที่คนไทยเฝ้าติดตามกันอย่างคึกคักก็คือ  การที่อาทิตย์รุ่งอรุณจะส่องแสงลำแรกทะลุผ่านทั้ง 15 ช่องประตูของปราสาทหินพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์  ระหว่างวันที่ 3 – 5 เมษายน 2558  หนึ่ง  

               การเกิดจันทรุปราคา  แบบสรรพคราส  ในช่วงพลบค่ำของวันที่ 4 มีนาคม 2558  และเป็นแบบที่เห็นได้ในประเทศไทย  สอง

               จันทรุปราคา  ก็คือ  ปรากฎการณ์ที่พระอาทิตย์ , โลก  และ  ดวงจันทร์เรียงตัวเป็นแนวเดียวกันโดยที่โลกจะอยู่ตรงกลาง  ทำให้เงาของโลกไปทับบนดวงจันทร์  และ  ในคราวนี้  เงาของโลกที่ไปทับบนดวงจันทร์นั้น  เป็นการทับแบบสนิททั้งดวง  จึงเรียกว่า  สรรพคราส


(ภาพที่แสดงให้เห็นถึงแต่ละช่วงของการเกิดจันทรคราส  – ขอขอบคุณเจ้าของภาพด้วยครับ)

               อันที่จริง   ปรากฎการณ์การเกิด “คราส” นั้นจะมีทุกปีตามหลักการโคจรในระบบสุริยจักรวาล    ในปีพ.ศ. 2558 นี้จะเกิด  สุริยะคราส 2ครั้ง  และ  จันทรคราส 2 ครั้ง 

               สุริยคราสครั้งแรกก็คือ วันที่ 20 มีนาคม 2558  ,  จันทรคราส วันที่ 4 มีนาคม 2558 ,  สุริยคราสในวันที่ 13 กันยายน 2558  และ ปิดท้ายด้วย จันทรคราสในวันที่ 28 กันยายน 2558 

               การเกิดคราสในวันที่ 4 เมษายายน 2558 นี้   มีการวิพากษ์วิจารณ์ในทางร้ายไปต่างๆนานา  บ้างก็บอกว่า   คราสครั้งนี้จะมีอิทธิร้ายต่อคนที่มีลัคนาอยู่ในสองราศี คือ ราศีกันย์ และ  ราศีมีน


(จันทรคราส เกือบเต็มดวง – ขอขอบคุณเจ้าของภาพด้วยครับ)

               ก่อให้เกิดความตกอกตกใจต่อท่านที่มีลัคนาอยู่ในสองราศีนี้ ก็ขอเรียนว่าคงไม่เป็นเช่นนั้นทั้งหมดครับ

               ประเทศไทยมีประชากรประมาณ 65 ล้านคน  ราศีจักรมีทั้งหมด 12 ราศี   ถ้าแบ่งแบบเคร่าๆ ก็จะมีคนที่มีลัคนาอยู่ในแต่ละราศีประมาณ 5ล้าน 4 แสนคน ก็จะมีคนที่มีลัคนาอยู่ในราศีกันย์ และ  ราศีมีน รวมกันประมาณ 10 ล้าน 8 แสนคน 

               แล้วคนไทยทั้ง 10 ล้าน 8 แสนคน  จะเกิดวิบัติภัยกับตัวเองทั้งหมดเลยหรือไม่   ท่านผู้อ่านก็ลองใช้วิจารณญาณตรองดูนะครับ

               แต่ที่ผมจะพูดถึงในบทความนี้ก็คือ   ปรากฏการณ์ที่ลำแสงแรกของพระอาทิตย์ส่องผ่านทั้ง 15 ช่องประตูที่ปราสาทหินพนมรุ้ง   และ ความเชื่อโบราณของศาสนาฮินดู 


(ผู้คนที่ไปเฝ้ารอชมปรากฏการณ์พระอาทิตย์ส่องผ่าน 15 ช่องประตูของปราสาทหินพนมรุ้ง)

               ปราสาทหินพนมรุ้ง  เป็นวิหารที่สร้างตามคตินิยมของศาสนาฮินดู  ไศวะนิกาย ที่นับถือ พระศิวะเป็นหลัก  โดยพวกขอมที่เคยยึดพื้นที่แถบนี้มาก่อน 

               ตามคติของศาสนาฮินดู   วิหารจะต้องหันประตูทางเข้าไปทางทิศตะวันออกเสมอ   หรือ  พูดง่ายๆก็คือ  แกนของวิหารของฮินดูจะต้องอยู่ในแนวตะวันออก – ตะวันตกเสมอ 

               จากประสบการณ์ของผมในการเดินทางไปอินเดียหลายครั้งพบว่า  เป็นเรื่องจริง   ยกเว้นอยู่เพียงที่เดียว  คือ  ที่วิหารเมืองพาลีปุรัม ทางตอนใต้ของประเทศอินเดียใกล้เมืองเชนไน


(ตรงกลางของปราสาทหินพนมรุ้ง   จะปรากฏศิวะลึงก์ ประดิษฐานอยู่ฝนบริเวณที่เรียกว่า  SANCTUM  หรือ  HOLY OF THE HOLIES )

               กลุ่มวิหารดังกล่าวเรียกว่า ปัญจปาณฑพรถะ  แปลว่า  ปราสาทหินห้าพี่น้องตระกูลปาณฑพ  ที่หันประตูทางเข้าไปทางทิศตะวันตก 

               สาเหตุที่หันไปทางทิศตะวันตก ก็เพราะวิหารเหล่านี้ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นวิหารที่จะใช้งานจริง   แต่เป็นวิหารที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นแบบจำลองให้แก่กษัตริย์แห่งราชวงศ์ปัลลวะ ได้ชมก่อนที่จะสร้างของจริง 

               ทำไมต้องหันหน้าไปทางทิศตะวันออก    ทำไมจึงไม่เป็นทิศอื่นๆ 


(ภาพปรากฎการณ์ที่ทำให้ผู้ไปชมเกิดความรู้มีพลังและน่าตื่นตาตื่นใจ) 

               เหตุผลก็คือ  ศาสนาฮินดูถือว่า  ทิศตะวันออกเป็นทิศของเทพเจ้า  และ ทิศตะวันตกเป็นทิศของมาร 

               เวลาสวดมนต์ไหว้พระจึงควรจะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก  เช่นเดียวกับการนอน  ก็ควรจะหันศรีษะไปทางทิศตะวันออกด้วย

               แนวคิดของศาสนาฮินดูถือว่า  พระศิวะเป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด  แม้แต่พระอาทิตย์ก็ยังอยู่ภายใต้พระศิวะ   ดังนั้น  แนวคิดของการสร้างวิหารเพื่อให้แสงอาทิตย์ส่องผ่าน 15 ช่องประตูนั้น  ก็เพื่อให้แสงอาทิตย์สามารถส่องไปถึงห้องศักดิ์สิทธิ์ที่มี ศิวะลึงก์ ประดิษฐานอยู่

               ประหนึ่งว่า   พระอาทิตย์เข้าไปแสดงความเคารพต่อพระศิวะ 

               ช่วงเวลาของปรากฎการณ์แสงอาทิตย์ดังกล่าวในประเทศอินเดียจะถูกกำหนดขึ้นให้เป็นวันก่อนหน้าที่จะถึงวัน มหาศิวาราตรี(MAHA  SHIVARATRI)  เป็นเวลา 15 วัน 

               วันมหาศิวาราตรี ของปีพ.ศ. 2558 จะตรงกับวันที่ 17 กุมภาพันธ์  ดังนั้น   วันที่แสงอาทิตย์จะส่องเข้าไปในวิหารของอินเดีย  ก็จะตรงกับวันที่ 2 กุมภาพันธ์   

               เชื่อกันว่า  วันมหาศิวาราตรี เป็นวันที่  พระศิวะ แต่งงานอีกครั้งกับ เทพีปราวตี   และเป็นคืนที่พระศิวะได้เต้นรำที่เชื่อกันว่า เป็นการเต้นรำครั้งแรกๆของโลก

               ท่านที่สนใจว่า  การเต้นรำของพระศิวะ เป็นอย่างไร   ลองคลิ๊กเข้าไปตามลิงค์ ที่ผมแนบมาด้วยก็จะได้เห็นครับ   https://www.google.co.th/webhp?sourceid=chrome-instant&ion=1&espv=2&ie=UTF-8#q=tandav+nritya+kare+shiv+bhola    

               ก็ถือเป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นกับปราสาทหินพนมรุ้งทุกปี    แต่จะเป็นการเสริมสิริมงคลให้กับตนเอง  ตามที่จังหวัดบุรีรัมย์โฆษณาชวนเชิญให้ไปชมหรือไม่นั้น   ก็แล้วแต่วิจารณญาณของทุกท่านแล้วกันครับ

               แต่ปรากฎการณ์แบบนี้  มิใช่มีเพียงในประเทศไทยเท่านั้น   สัปดาห์หน้าผมจะนำเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟังครับ   สวัสดี 

Posted in ซอกซอนตะลอนไป โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ and tagged , .

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *