เมื่อชาวสวิสฯ ไม่ยอมรับเงินแจกฟรี(ตอนจบ)

ซอกซอนตะลอนไป                           (1 กรกฎาคม 2559)

เมื่อชาวสวิสฯ ไม่ยอมรับเงินแจกฟรี(ตอนจบ)

โดย   เสรษฐวิทย์  ชีรวินิจ

               ก่อนหน้านี้  หายนะทางเศรษฐกิจของประเทศกรีซ  ที่ทำให้กรีซต้องลดเงินเดือนข้ารัฐการ  ลดเงินบำนาญของผู้เกษียณอายุ  ปรับลดตำแหน่งงานของรัฐการ  รวมทั้งขายทรัพย์สินของรัฐวิสาหกิจเพื่อเอาเงินไปใช้หนี้ ฯลฯ

               เหล่านี้   เกิดมาจากนโยบายของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของกรีซต่างก็เอานโยบายประชานิยมมาหลอกล่อขอคะแนนเสียง  โดยที่ประชาชนอาจจะรู้  หรือ  ไม่รู้ก็ได้ว่า  นั่นคือน้ำตาลที่เคลือบยาพิษ 

               ประชาชนชาวกรีซร่วมมือกันเลือกคนที่จะมามอมเมาตัวเอง   เพื่อตัวเองจะได้เสวยสุข โดยไม่คิดว่า   เงินมากมายที่จะเอามาละเลงกันนี้  มาจากไหน  แล้วในที่สุด  คนที่รับกรรมก็คือ คนรุ่นลูกรุ่นหลาน 


(บ้านเมืองที่สวยงามสะอาด และ เป็นระเบียบสะท้อนวิถีชีวิตของชาวสวิสฯได้เป็นอย่างดี)

               ไม่ต่างอะไรกับ ประเทศเวเนซูเอล่า ซึ่งกำลังประสบกับหายนะทางเศรษฐกิจ  เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นกว่า 300 เปอร์เซ็นต์แล้ว  และอาจจะเพิ่มขึ้นไปเป็น 500 เปอร์เซนต์  จนผู้คนในประเทศต้องปล้นสะดมภ์เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง 

               ทั้งๆที่  ประเทศมีทรัพยากรน้ำมันมากมายเป็นอันดับ 5 ของโลก 

               รวมถึงกลุ่มประเทศทางใต้ของยุโรปหลายประเทศ เช่น  สเปน  โปรตุเกส  อิตาลี ที่กำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจแนวเดียวกันนี้   เพียงแต่ยังอยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้ 

               แต่ทำไม  ชาวสวิสฯ จึงใจแข็งไม่ยอมรับเงินประชานิยมแจกฟรีแบบนี้

               เพราะวิถีชีวิตตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา  สอนให้พวกเขารู้ว่า  ชีวิตไม่ได้ง่ายๆขนาดนั้น  ชีวิตต้องทำงาน  ไม่ใช่เสพสุขไปวันๆ   ซึ่งต่างไปจากทัศนคติของประชาชนของประเทศในกลุ่มยุโรปใต้หลายๆประเทศที่ผมพูดมา 

               ประชากรของยุโรปใต้ ส่วนใหญ่ล้วนใช้ชีวิตเหมือนจะตายในวันพรุ่งนี้  ดื่ม  กิน เป็นบ้าเป็นหลัง งานการไม่ค่อยทำ  มีนอนพักบ่าย 3 ชั่วโมง   จึงทำให้สังคมไร้วินัย  ใครเสนออะไรที่เป็นผลประโยชน์ของตัวเองก็รับทั้งนั้นโดยไม่ต้องตรึกตรองก่อน  

               ผิดกับชาวสวิสฯ ที่ไม่มีพรมแดนส่วนใดเลยที่ติดทะเล   ชีวิตเหมือนถูกกักอยู่ในภูเขา ให้อยู่ในสภาพที่ต้องดิ้นรนต่อสู้กับธรรมชาติมาตลอด   เขาจึง(ต้อง) มีระเบียบวินัย   คล้ายๆกับชาวญี่ปุ่น 

               เมื่อระเบียบวินัยเข้าไปอยู่ในสายเลือด   จะทำงานอะไรก็จะมีวิธีคิดที่แตกต่างไปจากคนที่ไม่มีระเบียบวินัย  ด้วยเหตุนี้   งานที่ชาวสวิสฯทำได้ดีก็คือ  งานที่ต้องควบคุมด้วยวินัย เช่น งานธนาคาร 

               และด้วยการทำงานอย่างเคร่งครัดในระเบียบวินัย  จึงทำให้กิจการธนาคารของสวิสฯ ได้รับความนิยมจากผู้ทำธุระกรรมทั่วโลก   รวมแม้กระทั่ง  พวกอาชญากร  มาเฟีย  นักการเมืองคอรัปชั่น  นักธุรกิจขี้โกง ที่เอาเงินมาเก็บซ่อนเอาไว้ที่นี่

               เพราะธนาคารสวิสฯ ยืนยันเข้มแข็งที่จะรักษาความลับของลูกค้า  มิวายว่า  ลูกค้าคนนั้นจะเอาเงินมาฝากเพื่อฟอกเงิน  ซึ่งธนาคารสวิสฯก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้มากพอสมควร 

               และด้วยความที่ต้องทำงานอย่างวางแผนมาตลอดตั้งแต่โบราณกาล  เนื่องจากในช่วงฤดูร้อนเขาจะต้องทำงานหนักในท้องไร่ท้องนา  เพื่อสะสมอาหารเอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เอาไว้บริโภคตอนหน้าหนาว   

               เมื่อถึงฤดูหนาว ชาวสวิสฯ ก็จะมีเวลาว่างมาก เพราะไม่สามารถออกไปทำงานในท้องไร่ท้องนาได้  เขาก็จะทำงานภายในบ้าน  เช่น  ซ่อมแซมบ้านที่เสียหาย    ทำเก้าอี้ที่ภรรยาขอเอาไว้นานแล้ว  ทำของเล่นที่ลูกๆขอเอาไว้นานแล้วเช่นกัน 

               และบางครั้งก็ทำอะไรที่ตัวเองต้องการ  เช่น  เครื่องกลบางอย่างที่ทำด้วยไม้   และ ค่อยๆทำไป  พัฒนาไป ตามความชอบความรักของตัวเอง  จนในที่สุดก็พัฒนากลายมาเป็นนาฬิกาคุ๊กคู


(นาฬิกาคุ๊กคู)

               และด้วยความที่ทำงานอย่างมีระเบียบวินัย  มีการวางแผนที่ดี  แล้วในที่สุด  นาฬิกาที่ทำด้วยไม้  ก็พัฒนากลายมาเป็นนาฬิกายี่ห้อดังๆของสวิสฯในที่สุด  

               เมื่อมีระเบียบวินัย  การทำงานทุกอย่าง ก็สามารถพัฒนาขึ้นไปได้

               ครั้งหนึ่ง  ตอนที่ผมเดินทางไปที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์  เห็นเจ้าหน้าทำถนนกำลังซ่อมแซมถนนตรงช่วงที่รอยต่อลงไปที่ไหล่ทาง   แทบไม่น่าเชื่อว่า   ช่างถึงกับใช้มือ  ขอย้ำว่า  ใช้มือนะครับ  ตบๆจัดรูปทรงของยางมะตอยที่เทลาดจากถนนลงไปที่ไหล่ทางให้ได้ระดับที่สวยงามพอดี   

               งานที่ใครๆก็คิดว่า  เป็นงานต่ำต้อย  ไร้เกียรติ   แต่ชาวสวิสฯ ก็ทำให้งานเหล่านี้เป็นงานที่สร้างสรรค์  และ มีเกียรติได้  


(แม้แต่ถนนซอยเล็กๆในประเทศสวิตเซอร์แลนด์  ระดับถนน และ ฝาท่อล้วนเป้นระเบียบเรียบร้อยดีมาก)

               ผิดกับการทำถนนบ้านเรา  ที่เมื่อราดยางมะตอยลงไปแล้ว  ทำให้ฝาท่อระบายน้ำอยู่ต่ำลงไปกว่าพื้นถนน  กลายเป็นหลุมขนาดใหญ่กลางถนน   ช่างก็ทำไปได้หน้าตาเฉยอย่างไม่ใยดีว่า  จะเกิดอุบัติเหตุกับผู้ใช้ถนนหรือเปล่า 

               ผมเคยถามคนสวิสฯเมื่อประมาณสิบกว่าปีที่แล้วว่า   ทำไมจึงไม่เข้าร่วมกับยูโรโซนเพื่อใช้เงินสกุลยูโร   และทำไมไม่ยอมเข้าร่วมเชนเก้นวีซ่า   ทั้งๆที่กลุ่มยูโร พยายามชวนเชิญให้เข้าร่วมด้วยตลอดเวลา  

               เขาบอกว่า  เขามั่นใจในความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของประเทศ  โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร  และคิดว่า ในอนาคต  เงินยูโรจะมีปัญหา    

               พิสูจน์ให้เห็นในวันนี้แล้วว่า  การที่รัฐบาลสวิสฯ ไม่เข้าร่วมกับกลุ่มยูโร  เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์เล็กๆน้อยๆ  แบบที่ต้องพึ่งพากลุ่มอียูตลอดไปนั้น  ไม่ใช่ความมั่นคงยั่นยืนในอนาคต

               ประเทศสวิสฯ นั้นอยู่ท่ามกลางวงล้อมของกลุ่มประเทศอียู   เขาต้องมีดีแน่นอน  เพียงพอที่จะยืนหยัดอยู่บนลำแข้งของตัวเอง  แบบสิงโตบาดเจ็บ

               ในวันนั้นที่ผมถามชาวสวิสฯเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว   หนึ่งสวิสฯฟรังซ์มีค่าเท่ากับ 22 – 23 บาท  ขณะที่เงินยูโรจะอยู่ที่ประมาณ 50 บาทเศษ

               แต่วันนี้  หนึ่งสวิสฟรังซ์ มีค่าเท่ากับ 36.35 บาท  แต่หนึ่งยูโรลดค่าลงมาอยู่ที่ 39.20 บาท

               นี่คือเหตุผลที่ชาวสวิสฯ ลงประชามติไม่ยอมรับเงินแจกฟรีเดือนละ 90,900 บาท   

               พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ

               (เชิญติดตามอ่านบทความ  ดูดวงออนไลน์ ที่ผมเขียนใน แนวหน้าดอทคอม นี้ ในนามปากกา “ธรรมาธิปติ”)  

Posted in ซอกซอนตะลอนไป โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ and tagged , , , .

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *