โคตรอภิมหาเศรษฐีผู้มีคุณธรรม(ตอน6)

ซอกซอนตะลอนไป                           (8 พฤษภาคม 2565)

โคตรอภิมหาเศรษฐีผู้มีคุณธรรม(ตอน6)

โดย   เสรษฐวิทย์  ชีรวินิจ

               หลังจากยุคของ ดอรับจิ ตาต้า  ก็มาถึงยุคของ เจฮังกีร์ ราตานจิ ดาดับบอย ตาต้า หรือเรียกสั้นๆว่า   เจ.อาร์.ดี. ตาต้า (J.R.D.TATA) เป็นผู้บริหารบริษัท ตาต้า กรุ๊ป


(เจ.อาร์.ดี. ตาต้า (คนขวาสุด) และครอบครับ – ภาพจากกูเกิ้ล)

               เนื่องจากมารดาเป็นชาวฝรั่งเศส และเขาเองก็เกิดในฝรั่งเศส  เจ อาร์ ดี จึงมีสัญชาติฝรั่งเศส  และใช้ชีวิตช่วงต้นในปารีส หลังจากนั้นก็ได้ศึกษาต่อในหลายประเทศ เช่น  ลอนดอน  ญี่ปุ่น  ฝรั่งเศส  และ ที่บอมเบย์ อินเดีย  เขาจึงใช้ภาษาอังกฤษ และ ฝรั่งเศสได้อย่างดียิ่ง

               ปีค.ศ. 1929 ตอนที่อายุ 25 ปี  หลังจากมารดาของเขาเสียชีวิต   ครอบครัวของเขาได้ย้ายกลับมาอาศัยในอินเดีย  เขาจึงประกาศสละสัญชาติฝรั่งเศส และ ถือสัญชาติอินเดียเพียงสัญชาติเดียว

ในปีนั้น  เขาเริ่มทำงานในบริษัท ตาต้า ซันส์(TATA SONS) เป็นพนักงานฝึกงานที่ไม่มีเงินเดือน  เมื่ออายุได้ 34 ปี  เขาก็ได้รับเลือกให้เป็นประธานของบริษัท ตาต้า ซันส์ ต่อจากญาติของเขา

               อาจเพราะเขาเติบโตในโลกตะวันตก  แนวคิดในเรื่องศาสนาของเขาจึงเปลี่ยนไป  จากเดิมที่ครอบครัวนับถือศาสนาโซโรแอสเทรียน ที่นับถือเทพเจ้า อาฮูรา มาสดา (AHURA MAZDA) เขามีแนวคิดในทางศาสนาในเชิงไม่ปฎิเสธ  หรือ  ยอมรับการมีอยู่ของพระเจ้า (AGNOSTIC)   ด้วยเหตุผลว่า  ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า พระเจ้ามีอยู่จริง


(พิธีกรรมหนึ่งของศาสนาโซโรแอสเทรียน ที่เรียกว่า นาฟโจต เป็นพิธีพันเชือกรอบเอวของเด็ก – ภาพจากวิกิพีเดีย)

               นอกจากนี้  เขายังมองพิธีกรรมหลายๆอย่างของศาสนาโซโรแอสเทรียนว่า น่ารำคาญ

               กระนั้น  เขาก็ยังคงเป็นผู้ยึดมั่น ถือมั่นในหลักปฎิบัติสำคัญ 3 ประการของศาสนาโซโรแอสเทรียน คือ  การคิดดี   การพูดดี  และ  การทำดี

               ในวันที่เขาเข้าไปรับหน้าที่บริหารองค์กรตาต้า ซันส์ ในปีค.ศ. 1938  บริษัทมีธุรกิจหลักคือ เหล็ก  บรรดางานทางด้านวิศวกรรมต่างๆ  พลังงาน  อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ และ ธุรกิจบริการ เช่นโรงแรม เป็นต้น

               ตอนที่เขาเริ่มบริหารบริษัท ตาต้า ซันส์  บริษัทมีบริษัทในเครือ 14 แห่งด้วยกัน  หลังจากที่เขาบริหารงานของบริษัทอยู่นาน 50 ปี  เมื่อเขาลาออกออกไปในเดือนกรกฎาคม ปีค.ศ. 1988  บริษัท ตาต้า ซันส์ ประกอบด้วยบริษัทในเครือใหญ่น้อยมากถึง 95 องค์กร

               ทรัพย์สินของ ตาต้า ซันส์ในวันแรกที่เขาเข้าไปบริหารคือ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ  แต่ตอนที่เขาออกจากตำแหน่ง  ทรัพย์สินขององค์กรขยับขึ้นไปเป็น 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ

               แต่สิ่งที่ผมประทับใจและขอนำมาเล่าในที่นี้ก็คือ

               เจ.อาร์.ดี ได้รับแรงบันดาลใจจาก หลุยส์ บลีริออท (LOUIS BLERIOT) (หากออกเสียงภาษาฝรั่งเศสผิดก็ขออภัยด้วย) ซึ่งเป็นเพื่อนของบิดา และเป็นนักบินคนแรกที่บินข้ามช่องแคบอังกฤษ 


(ใบอนุญาตหมายเลข 1 ให้ขับเครื่องบินได้ของอินเดีย ที่ออกให้แก่ เจ.อาร์.ดี.ตาต้า เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ปีค.ศ. 1929 ภาพจากกูเกิ้ล)

               หลังจากนั้น เขาก็เริ่มศึกษาเรื่องการบิน และ ได้ใบอนุญาตในการขับเครื่องบินเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ปีค.ศ. 1929 ขณะที่มีอายุ 25 ปี

               เขาได้รับการยกย่องในเวลาต่อมาว่า  เป็นบิดาของวงการบินพลเรือนของอินเดีย  แต่ยังไม่จบแค่นั้น

               ด้วยความหลงไหลในเรื่องการบิน  เขา และเพื่อนชื่อ เนวิล วินต์เซนต์(NEVILL VINTCENT) เริ่มก่อตั้งสายการบิน ตาต้า(TATA AIRLINES)เป็นสายการบินพาณิชย์แห่งแรกของอินเดียขึ้นในปีค.ศ. 1932  โดยที่เขา และ เพื่อน เป็นผู้ขับเครื่องบินเที่ยวบินแรกด้วยตัวเอง 


(เจ.อาร์.ดี. ตาต้า กับเครื่องบินในสายการบินที่เขาก่อตั้ง – ภาพจากกูเกิ้ล)

เป็นเที่ยวบินขนส่งจดหมายจากเมืองการาจี ไปยังเมืองบอมเบย์ ด้วยเครื่องบินใบพัดเดียว DE HAVILLAND PUSS MOTH ซึ่งเป็นเครื่องบินแบบ 3 ที่นั่งของอังกฤษ

ในปีนั้นเอง  บริษัท การบินตาต้า ได้เซนต์สัญญาขนส่งจดหมายจากหน่วยงานขนส่งทางอากาศของอังกฤษที่เรียกว่า  IMPERIAL AIRWAY ในการส่งพัสดุ และ จดหมายต่างๆ


(เครื่องบิน เดอ ฮาวิลแลนด์ พุสส์ มอธ – ภาพจากกูเกิ้ล)

               สายการบิน ตาต้า มีเครื่องบิน เดอ ฮาวิลแลนด์ พุสส์ มอธ 2 ลำ ในวันที่เปิดสายการบิน

               ปีแรกของสายการบินตาต้า ดูเหมือนว่าจะไปได้อย่างสวยงาม  เพราะในปีนั้น  สายการบินตาต้า สามารถทำกำไรได้ 60,000 รูปี  หรือ เทียบเท่ากับ 800 ดอลล่าร์ ทีเดียว

               แต่ก้าวเดินของสายการบินตาต้า ก็พบกับอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่   ซึ่งผมจะเล่าต่อในตอนหน้าครับ

Posted in ซอกซอนตะลอนไป โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ and tagged , , , .