บนถนนดอกไม้สู่ลานซ้อมมวยปล้ำในกอลกัตตา(ตอน 6)

ซอกซอนตะลอนไป                           (2 เมษายน 2566)

บนถนนดอกไม้สู่ลานซ้อมมวยปล้ำในกอลกัตตา(ตอน 6)

โดย   เสรษฐวิทย์  ชีรวินิจ

               ภาพยนตร์เรื่อง DANGAL ที่แปลว่า  มวยปล้ำ  กระตุ้นให้ผมอยากมาดูการฝึกซ้อมมวยปล้ำของอินเดียในสถานที่จริง ซึ่งสถานที่หนึ่งที่สามารถหาได้ก็คือ  ในเมืองกอลกัตตา


(ภาพยนตร์เรื่อง DANGAL ซึ่งสร้างอิงเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในอินเดีย)

แล้วผมก็มาถึงสนามฝึกซ้อมมวยปล้ำแบบโบราณของอินเดีย  ภาษาทั่วไปเรียกว่า มวยปล้ำโคลน(MUD WRESTLING)   ทว่า  ภาษาสันสกฤตเรียกว่า  มัลลา ยุทธา(MALLA-YUDDHA) ซึ่งหมายถึง  มวยปล้ำแบบดั่งเดิมที่มีกำเนิดในอินเดีย  ปรากฎอยู่ในบันทึกมัลลา ปุราณะ (MALLA PURANA) ที่เขียนในราวศตวรรษที่ 13

เป็นกีฬาที่เน้นการฝึกฝนร่างกายให้แข็งแรง  และ  ใช้เพื่อต่อสู้ป้องกันตัวแบบประชิด


(ภาพปั้นทำจากดินเผาตั้งแต่สมัยศตวรรที่ 5 หรือประมาณ 1600 ปีที่แล้ว แสดงให้เห็นถึงกีฬามวยปล้ำในยุคนั้น  พบในรัฐอุตตราประเทศ – ภาพจากวิกิพีเดีย) 

ด้วยเหตุนี้   ตั้งแต่โบราณกาลที่อินเดียถูกข้าศึกศัตรูชาวมุสลิมจากแถบเปอร์เชีย  อัฟกานิสถาน หรือ ภาคตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดียรุกรานเข้ามา  เริ่มตั้งแต่โมฮัมหมัด คาซิม(MOHAMMAD QASIM) ในศตวรรษที่ 7 เรื่อยมาจนถึง มาห์มุด แห่ง กาสนี่ (MAHMUD OF GHAZNI)  และ โมฮัมหมัด กอรี (MOHAMMAD GHORI) ในศตวรรษที่ 12

นักรบเหล่านี้   เดินพาเหรดเข้ามาปล้นทั้งทรัพย์สินต่างๆ  ทองคำ  เงิน  และ อัญมณีมีค่าต่างๆ  และจับเอาผู้ชายนับแสนๆคน  หรืออาจจะถึงล้านคนไปเป็นทาส  และ  ขายเป็นทาสด้วย   ส่วนผู้หญิงก็ถูกจับไปทั้งเป็นทาสบำเรอกาม และ  ขายไปเป็นหญิงโสเภณี 

ครั้งแล้วครั้งเล่า  และรบชนะชาวอินเดียแทบทุกครั้ง   เพราะนักรบเหล่านี้ต่างก็รู้กิตติศัพท์ของนักรบชาวฮินดูเป็นอย่างดีว่า  เป็นผู้เชี่ยวชาญในการรบแบบประชิดตัว  

นักรบมุสลิมจึงพยายามหลีกเลี่ยงการรบที่ต้องเข้าปะทะตัวต่อตัว  แต่จะใช้ยุทธศาสตร์การรบในระยะห่าง

(ผมจะเขียนถึงนักรบเหล่านี้ในตอนต่อๆไปครับ)   

เหตุผลที่นักรบมุสลิมต้องรบแบบนี้   ส่วนหนึ่งน่าจะเพราะชาวอินเดียได้ฝึกฝนร่างกายให้แข็งแกร่ง และ  ฝึกฝนการต่อสู้แบบถึงตัว  แบบมวยปล้ำนี้เอง

ลานซ้อมมวยปล้ำ  หรือ อาจจะเรียกว่า  โรงเรียนสอนวิชามวยปล้ำก็ได้  ตั้งอยู่ริมแม่น้ำฮุคห์ลี  ลานที่มีขนาดกว้างประมาณ  5 เมตรคูณ 6 เมตร  มีรั้วเหล็กล้อมรอบเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไปเดินในลานดินดังกล่าว


(รูปปั้นสีแดงส้มที่วางอยู่ที่แท่นด้านหลังซ้ายมือก็คือรูปเคารพของเทพหนุมาน – ภาพโดยผู้เขียน)

ด้านหนึ่งจะมีรูปสลักเคลือบด้วยสีส้มเข้ม  ก่อนที่นักมวยปล้ำทุกคนจะเริ่มฝึกซ้อม  เขาจะต้องเข้าไปทำความเคารพต่อรูปสลักนี้เสียก่อน    รูปสลักนี้ก็คือ  เทพหนุมาน ตัวละครเอกในมหากาพย์ “รามเกียรติ์” หรือ RAMAYANA ของฮินดู

ชาวฮินดูนับถือว่า  หนุมานซึ่งเป็นทหารเอกของพระราม  เป็นเทพแห่งพละกำลัง ซึ่งสามารถทำอะไรหลายอย่างที่คนอื่นทำไม่ได้  อย่างเช่นตอนเหาะไปที่ภูเขาโอชาธิพาร์วาตา(OSHADHIPARVATA) เพื่อค้นหาสมุนไพรที่ชื่อ สัญชีวะนี (SANJEEVANI) แล้วนำกลับมารักษาพระลักษมณ์ที่ต้องหอกโมกศักดิ์อาการปางตาย 

ที่สำคัญก็คือ  จะต้องได้ยามาช่วยภายใน 1 วัน   


(หนุมานถอนภูเขาทั้งลูกเพื่อหาสมุนไพร สัญชีวะนี – ภาพจากวิกิพีเดีย)

หนุมานเหาะไปถึงภูเขา  แต่ไม่รู้ว่า  สมุนไพรที่ว่านี้มีลักษณะหน้าตาอย่างไร   เวลาก็กระชั้นเข้ามาทุกที   อย่ากระนั้นเลย   หนุมานจึงถอนภูเขาทั้งภูเขากลับมาเพื่อให้หมอยาสมุนไพรเลือกเอาเอง

นอกจากหนุมานจะได้รับการเคารพจากชาวฮินดูในฐานะเทพแห่งพละกกำลัง และ  ความซื่อสัตย์แล้ว  ยังได้รับการเคารพว่า  เป็นเทพเจ้าแห่งการถือพรหมจรรย์ของชายหนุ่ม

ชายหนุ่มคนใดที่เคารพนับถือเทพหนุมาน  หากจะแต่งงานในวันใด  เขาจะต้องไปกราบเทพหนุมานเพื่อขออภัยที่ต้องละพรหมจรรย์ด้วย   ซึ่งบุคลิคในข้อนี้แตกต่างจากหนุมานในภาคภาษาไทยอย่างสิ้นเชิง

พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ

Posted in ซอกซอนตะลอนไป โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ and tagged , , , .