มัมมี่คืนชีพ(ตอน9-จบ)

ซอกซอนตะลอนไป                           (29 ตุลาคม 2566)

มัมมี่คืนชีพ(ตอน9-จบ)

โดย   เสรษฐวิทย์  ชีรวินิจ

สถานที่ขุดค้นทางโบราณคดี บูบาสเทียน  ที่อยู่ในเขตซัคคารานั้น อยู่ห่างจากเมืองโบราณเมมฟิส ซึ่งเป็นเมืองของคนเป็น และ เป็นเมืองหลวงแห่งแรกของอียิปต์โบราณประมาณ 10 กิโลเมตรเท่านั้น

ชาวอียิปต์โบราณรู้จักที่จะแยกพื้นที่ที่อยู่อาศัยให้ห่างจากสถานที่ฝังศพมานานกว่า 5 พันปีแล้ว

อาจด้วยเหตุผลว่า  ในบริเวณที่อยู่อาศัยจะมีความชื้นมากกว่าเนื่องจากอยู่ใกล้แหล่งน้ำ   จึงไม่เหมาะกับการฝังศพ   เพราะชาวอียิปต์โบราณมีความเชื่อว่า  จะต้องรักษามัมมี่เอาไว้ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ให้ยาวนานที่สุด  เพื่อให้ดวงวิญญาณของผู้ตายสามารถนำมัมมี่ไปใช้ในโลกหน้าได้   จึงต้องพยายามเก็บมัมมี่เอาไว้ในที่ที่แห้งที่สุด  ความชื้นน้อยที่สุด  เพื่อป้องกันไม่ให้มัมมี่เน่าเปื่อย

เมืองเมมฟิส มีเทพเจ้าประจำเมือง ซึ่งในปัจจุบันอาจจะเรียกว่า  เทพอุปถัมภ์ของเมือง คือ เทพปทาห์ มาตั้งแต่เริ่มสถาปนาเมืองเมมฟิสเป็นเมืองหลวงเมื่อประมาณ 5 พันปีที่แล้ว


(รูปสลักของครอบครัวเทพปทาห์  เซ็คหเมท และ เนเฟอร์ตุม ในเมืองเมมฟิส-ภาพโดยผู้เขียน)

ในพิพิทภัณฑ์กลางแจ้งของเมมฟิส มีรูปสลักที่ทำด้วยหินแกรนิต เป็นครอบครัวเทพเจ้าปทาห์ มีมเหสีคือ เทพีเซ็คห์เมทยืนอยู่ข้างซ้ายมือ และ โอรสก็คือ เทพเนเฟอร์ตุม ยืนอยู่ขวามือ

ซึ่งอาจจะมีความย้อนแย้งเล็กๆกับอีกตำนานหนึ่งที่บอกว่า  เทพปทาห์ มีมเหสีชื่อเทพีบาสเตท มีโอรสองค์หนึ่งชื่อ  เทพมาเฮส (MAAHES)  

เทพมาเฮส มีร่างกายเป็นมนุษย์  แต่ศรีษะเป็นสิงโต  ได้รับการนับถือว่า  เป็นเทพแห่งสงคราม   เทพแห่งการปกปักรักษา  และ  เทพแห่งภูมิอากาศ

เมื่อถึงจุดนี้  ท่านผู้อ่านอาจจะเริ่มเวียนหัว  และ สับสนได้   แต่ขอให้อ่านต่อไปครับ  


(ทีมงานขุดค้นที่ควบคุมโดย ดร.มูฮัมหมัด ยูเซฟ มอร์ซี่ ผอ.บริเวณพื้นที่ซัคคารา-ภาพจากอินเตอร์เน็ต)

บางข้อสันนิษฐานบอกว่า  เทพีบาสเตท  น่าจะเป็นเทพีองค์เดียวกันกับเทพีเซ็คห์เมท   เพราะต่างก็เป็นเทพีแห่งสงคราม  แต่ดูแล้ว  เทพีเซ็คห์เมท  น่าจะเป็นปางที่ดุร้ายกว่า  เพราะอยู่ในรูปของผู้หญิงที่มีศรีษะเป็นสิงโตตัวเมีย

ในขณะที่เทพีบาสเตท  แม้จะอยู่ในรูปของผู้หญิงเช่นกัน  แต่ศรีษะเป็นแมว จึงอาจจะมีความดุร้ายน้อยกว่า   

ตำนานของเมืองเมมฟิสเล่าว่า  ครั้งหนึ่ง  เซ็คห์เมทเกิดบ้าคลั่งกระหายเลือด  เที่ยวออกล่ามนุษย์ และ เทพเจ้า  แล้วสังหารเพื่อดื่มเลือดสดๆ  ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งเธอได้   บรรดาเทพเจ้าจึงประชุมเพื่อหาทางหยุดยั้งเซ็คห์เมทจากความบ้าคลั่ง 

บรรดาเทพได้เตรียมไวน์แดงใส่ในภาชนะขนาดใหญ่รอให้เธอเดินผ่านมา   เซ็คห์เมทเมื่อเห็นของเหลวสีแดงสดอยู่ในภาชนะขนาดใหญ่ก็สำคัญผิดคิดว่าเป็นเลือด  จึงดื่มเอาๆอย่างเมามัน

ในที่สุด   เซ็คหเมทก็เมามายจนไม่ได้สติและหลับไป   โลกจึงกลับมาสงบอีกครั้ง


(ส่วนหนึ่งของโลงศพ 250 โลงจากยุคปโตเลมีที่ค้นพบ หน้าสุดก็คือ เทพีไอซิส และ เทพีเทปธีส)

ในพื้นที่ของซัคคารา ที่มีการค้นพบโลงศพจำนวน 250 โลง  และต่อมาก็ถูกเรียกขานว่า  พื้นที่บูบาสเตียนนั้น มีสาเหตุมาจากการค้นพบมัมมี่แมว  และรูปสลักของเทพบาสเตท  ซึ่งทำให้ทราบว่า   เทพีบาสเตท ได้รับการฟื้นฟูความนิยมกลับมาอีกครั้งในยุคปโตเลมี  

บทบาทของเทพีบาสเตทก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง  โดยลดบทบาทของการเป็นเทพีแห่งสงครามลง  เทพีบาสเตทจึงไม่ดุดันเท่าในยุคก่อน

ชาวอียิปต์ในยุคนั้นจึงนับถือเธอในฐานะเทพีแห่งเครื่องหอม   ความเจริญรุ่งเรือง  สุขภาพที่ดีและการมีอายุยืน  และ การมีรูปร่างที่ดูดีทุกช่วงวัย

เมื่อเวลาผ่านไป   สังคมเปลี่ยนไป  เทพเจ้าก็ถูกเปลี่ยนแปลงบทบาทเสียใหม่ให้สอดคล้องตามความต้องการของมนุษย์ในยุคนั้นๆ


(หนึ่งในมัมมี่แมวจำนวนมากที่ค้นพบในซัคคารา – ภาพจาก REUTERS)

จึงเทพีบาสเตทนอกจากจะเป็นเทพีแล้ว   ยังเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารัก  ที่มีความผูกพันต่อเจ้าของอย่างยิ่ง  เมื่อแมวที่เป็นสัตว์เลี้ยงตายไป  จึงมีการทำมัมมี่แมวเพื่อนำไปฝังในสุสานด้วยความคาดหวังว่า   แมวตัวนี้จะตามไปอยู่กับเจ้าของของมันอีกครั้งในโลกหน้า

ขอจบเรื่อง มัมมี่คืนชีพเอาไว้แค่นี้ครับ

สนใจร่วมเดินทางแบบเจาะลึกอียิปต์ 10 วัน 7 คืน กับผม  ระหว่างวันที่ 7-16 ธันวาคม 2566  และ   7-16 กุมภาพันธ์ 2567  ติดต่อสอบถามได้โทร 0885786666  หรือ LINE ID – 14092498  รับจำนวนจำกัด 20 ท่านเท่านั้น  ปิดกรุ๊ปล่วงหน้า 30 วันก่อนเดินทาง

พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ

Posted in ซอกซอนตะลอนไป โดย เสรษฐวิทย์ ชีรวินิจ and tagged , , , .